วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ปลาทอดผัดเปรี้ยวหวาน
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555
สวัสดีบางกอก / สุนทราภรณ์
เช้าที่สดใส....
นั่งค้นหาเพลงเก่า ๆ ฟัง
ดนตรีที่พร้อมเป็นเพื่อนได้กับทุกอารมณ์ของคน
เพลงที่เจอเป็นเพลงไทยไพเราะในอดีตของสุนทราภรณ์
เป็นเพลง สอนใจเตือนใจ สะท้อนความฝันของคนในยุคนั้น
ขับร้องโดย อ้อย อัจฉรา ศิลปินรุ่นใหญ่เจ้าของต้นฉบับ
ลองฟังด้วยกันคะ 'สวัสดีบางกอก'
นั่งค้นหาเพลงเก่า ๆ ฟัง
ดนตรีที่พร้อมเป็นเพื่อนได้กับทุกอารมณ์ของคน
เพลงที่เจอเป็นเพลงไทยไพเราะในอดีตของสุนทราภรณ์
เป็นเพลง สอนใจเตือนใจ สะท้อนความฝันของคนในยุคนั้น
ขับร้องโดย อ้อย อัจฉรา ศิลปินรุ่นใหญ่เจ้าของต้นฉบับ
ลองฟังด้วยกันคะ 'สวัสดีบางกอก'
บางกอก ซึ่งคนไทยทั่วประเทศเรียกว่า กรุงเทพฯ
ยังคงเป็นชื่อที่รู้จักกันทั่วโลก ในสำเนียงออกเสียงว่า..
แบงค็อก (Bangkok) ฝรั่งนักวิชาการที่มีข้อมูลแน่นจะรู้จัก
เรียกเมืองหลวงของสยาม หรือประเทศไทยว่า Krung Thep
ขอบ่นเล็ก ๆ คน กทม. คงไม่ว่ากันนะคะ
กรุงเทพฯ หรือ แบงค็อก เมกะซิตี้ แห่งนี้นี่แหละ
แม้จะมีความเจริญชั้นเลิศ ความเจริญทุกจุดทุกมุมทั่วกรุงเทพ
แต่ห้องน้ำสาธารณะและห้องน้ำในสถานบริการหลายแห่ง
ยังมีสุขลัษณะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
เพลง กรุงเทพฯราตรี
พรรณนาความงดงามของกรุงเทพมหานคร
ขับร้อง:...
กรุงเทพในวันนี้ผงาดขึ้นมาเป็นมหานครใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
มีประชากรเกือบ 11 ล้านคนมีภัตตาคารอาหารทุกชนิดในโลก
มีศูนย์การค้าทันสมัยที่มีสิ้นค้าแบรนด์และไม่แบรนด์ มีวัตถุทุกสิ่ง
ทุกอย่างที่อำนวยความสะดวกสบาย และเชิดชูความหรูหรา
ฟุ้งเฟ้ออย่างครบถ้วน.
เพลง อย่าเกลียดบางกอก
ขับร้อง: หม่อมราชวงศ์ ถนัดศรี สวัสดิ์วัฒน์
เพลง สวัสดีปีใหม่
สุนทราภรณ์
เพลง อุษาสวาท
สุนทราภรณ์
- - - - - - - -
ขอบคุณเพลงเพราะ ๆ ของสุนทราภรณ์
ขอบคุณ youtube.com
และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่แวะมาเยี่ยมชม
วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ที่สุดของหัวใจ / เเจ้ ดนุพล
วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555
มีแต่คิดถึง / เบิร์ด ธงไชย
วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ก้อนหินกับนาฬิกา / โรส ศิรินทิพย์
วันหยุด 3 วันนี้ ผ่อนคลายกันบ้างนะคะ
ดูหนังฟังเพลง เติมพลัง เติมความฝัน ให้กับชีวิต
ส่วนคนที่กำลังมีความรักอยู่
อย่าปล่อยให้ความรัก กลายเป็นเพียง
ก้อนหินกับนาฬิกา ที่เวลาไม่มีค่าอะไรกับหัวใจ
ฟังเพลงเพราะ ๆ กันซักเพลงคะ
ดูหนังฟังเพลง เติมพลัง เติมความฝัน ให้กับชีวิต
ส่วนคนที่กำลังมีความรักอยู่
อย่าปล่อยให้ความรัก กลายเป็นเพียง
ก้อนหินกับนาฬิกา ที่เวลาไม่มีค่าอะไรกับหัวใจ
ฟังเพลงเพราะ ๆ กันซักเพลงคะ
ขอบคุณเพลงจาก.. youtube.com
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันสิ้นโลก เป็นเรื่องจินตนาการ
ในหลวงกับพระสหาย ตอน 2
5 ธันวาคม 2555 เวลา 10.30 น. ในหลวงเสด็จออก ณ สีหบัญชร
พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงมีพระราชดำรัส 'ความพร้อมเพรียง
จะทำให้ไทยรอดได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด'
พสกนิกรรอชื่นชมพระบารมี
เข้าเรื่องพระสหายต่อคะ . . . . ด็อกเตอร์ Michel Bugnion พระสหายท่านที่ 3 ด็อกเตอร์ Michel Bugnion เป็นพระสหายร่วมชั้นเรียน เดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล และเป็นแพทย์ทางรังสี วิทยา เมื่อเกษียณแล้ว หันมาสนใจงานทางด้านศิลปะ เขามีที่ทำงานอยู๋บนชั้น 2 ของตึกเก่ากลางใจเมืองโลซานน์ บนถนนที่ค่อน ข้างหรู เดิมทีตึกนี้เป็นที่ทำการธนาคารของพ่อ เขาเป็นลูกคนเดียว เมื่อมา เลือกเรียนแพทย์ จึงต้องขายกิจการธนาคารไป ปัจจุบันเขาหันมาสนใจเรื่องงานศิลปะมาก และได้เอาบ้านเก่าของตระกูลยก ให้มูลนิธิเฮอร์มิเทจ (Hermitage) เพื่อทำเป็นสถานที่จัดนิทรรศการภาพเขียน ในระดับสูง เขายังเป็นประธานมูลนิธิ Emma Muschamp ซึ่งมีจุดมุ่งหมายใน การค้นคว้าทางการแพทย์ ในเขตจังหวัดโวด์ (Vaud) อีกทั้งยังได้เข้าร่วมกับ สมาคมทางวัฒนธรรมและศิลปะอีกหลายแห่ง เมื่อเขาย้อนละลึกไปถึงวัยเด็ก เมื่อเป็นนักเรียนอยู่ที่โรงเรียน Ecole Nouvelle เขาเล่าว่า.. "ผมอยู่โรงเรียนนี้เกือบ 5 ปี ผมจบ ม. ปลายค่อนข้างช้า เพราะป่วย ผมก็ขอ พ่อแม่เรียน Intensive Course .....ผมเคยได้คุยกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ผมจำท่าน ได้ดีมากกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล เพราะว่าพระองค์ทรงศึกษา อยู่ชั้นต่ำกว่า ผมรู้ว่าพระองค์ทรงโปรดดนตรีแจ๊สมาก ...ทั้ง 2 พระองค์ก็เหมือนกับนักเรียนอื่น ๆ ทั่วไป ต่างกันเพียงที่มีรถมารับส่ง ไม่เหมือนกับผมที่เดินมาโรงเรียน ....ทั้ง 2 พระองค์ ทรงเรียนหนังสือเหมือนกับพวกเราทุกคน เรียนทั้งประวัติ ศาสตร์ วรรณคดีฝรั่งเศส ประวัติศาสตร์สวิส ไม่ได้เรียนหรือทำอะไรที่แตก ต่างไปจากเราเลย ผมคิดว่าท่านต้องเรียนประวัติศาสตร์ไทย และวรรณคดี ไทยด้วย แต่พวกเราไม่ต้องเรียน ...ในสมัยนั้นมีนักเรียนต่างชาติไม่มาก ท่านจึงดูแตกต่างจากคนอื่น แต่ก็ เพียงรูปร่างหน้าตาเท่านั้น ไม่มีความแตกต่างระหว่างเรา ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ดูจะเงียบขรึมกว่าพระอนุชา แต่มีเสน่ห์มาก และทรงเป็นเพื่อนที่ดีมาก ผมเคยเห็นสมเด็จย่าด้วย 2-3 ครั้งท่านเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก ผมจำได้ติดตาท่านเก๋ สง่าและวางตัวดี" ด็อกเตอร์บิวยองได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาโรงเรียนในภายหลัง . . เมอร์ซิเออร์ฌาคส์ พิคคาร์ ท่านที่ 4 คือ เมอร์ซิเออร์ Jacques Piccard เขามีรูปร่างสูงโปร่ง มีบุคลิกน่า เลื่อมใสอย่างนักวิชาการที่ทรงความรู้ คล่องแคล่วและยังมีความทรงจำที่ดี เขาเป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนเดียว กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานัน ทมหิดลเช่นกัน และเป็นพระสหายของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย เขาเป็นนักสร้างเรือดำน้ำที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้ง 4 ท่านนี้ได้ต่างพูดเสียงพ้องเป็นเสียงเดียวกันว่า มีความประทับใจใน องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง และยังมีความทรงจำที่ดี โดยเฉพาะเกี่ยวกับโรงเรียน Ecole Nouvelle "ที่นี่แหละ ที่ผมได้พบและได้รู้จักกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมเรียน ร่วมชั้นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ท่านไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกับผม เพราะว่าท่านพระชนมายุ น้อยกว่า ....โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสมัยใหม่ เป็นการสอนระบบใหม่ ไม่ใช่อย่างในโรง เรียนทั่วไป จะไม่มีชั้นเรียนประจำ คืออาจจะเรียนภาษาชั้นหนึ่งแล้วไปเรียน คณิตศาสตร์ กับฟิสิกส์อีกชั้นหนึ่ง คือถ้าเราเรียนเก่งวิชาไหนเราก็จะย้ายไป ได้เร็ว แต่ถ้าไม่ค่อยเก่งก็อาจจะต้องอยู่นานหน่อย ..แต่ละห้องเรียนจะมีเด็ก ไม่มากไม่เกิน 11-12 คน เมื่อมีน้อยก็สนิทกันได้ง่าย' ในช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม การเดินทางไม่สะดวกนัก การมีรถยนต์ใช้จึง ค่อนข้างกรณีพิเศษ "เวลาไปโรงเรียนผมต้องเดินจากบ้าน 20 นาทีจึงจะถึงทะเลสาป แล้วนั่ง รถไฟไปอีกครึ่งชั่วโมง แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เยอะเหมือนกันนะ ....สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ท่านประทับอยู่ใกล้ โรงเรียน แต่เท่าที่จำได้ท่านเสด็จฯมาโดยรถยนต์ กับ มร.เซอรายดาริส ...เมื่อได้พบกับทั้งสองพระองค์ที่โรงเรียน ดูเหมือนเราจะชอบกันแต่ต้นเลย กับในหลวงอานันทฯก็สนิทสนมกันดี ท่านเคยเสด็จฯมาที่บ้านผม 2-3 ครั้ง ครั้งหนึ่งเสด็จฯมาที่บ้านผมพร้อมกันทั้งสองพระองค์ มร.เซอรายดาริสเป็น คนพาท่านมา เราก็นั่งคุยกันในห้องรับแขกไม่ได้เล่นอะไรกัน ....สมัยนั้นเราไม่ได้เล่นกันอย่างสมัยนี้หรอกนะครับ แต่เราจะคุยกันมาก กว่าบางทีก็จะเล่นหมากรุกกัน ผมเล่นไม่เก่งหรอกครับ แต่สมัยนั้นหมาก รุกเป็นกีฬาที่เด็กผู้ชายมักจะชอบเล่นกัน .....เราจะเดินเล่นด้วยกันบ่อย มาก เดินเที่ยวในป่า แต่ไม่เคยล่าสัตว์ ....เราคุยกันได้หลายเรื่อง ส่วนมากก็เรื่องการเรียน ปรัชญา หรือไม่ก็เรื่อง การเมือง เรื่องสงคราม ....ผมจำได้ว่าในหลวงอานันทฯกับผมเอาแผนที่ โลกมากางดูกัน ดูว่ากองทัพญี่ปุ่นอยู๋ตรงนั้น ของอเมริกันอยู่ตรงนี่ อังกฤษ อิตาลี ฯลฯ อะไรอย่างนี้ เราคุยกันเรื่องนี้บ่อยมาก ถกกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น ...ตอนนั้นผมอายุประมาณ 17 ปีหรือ 18 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ อ่อนกว่าผมประมาณ 5 ปี แม้ว่าท่านยังทรงพระเยาว์ แต่ตอนนั้นท่านก็น่ารักมาก เหมือนเดี๋ยวนี้นี่แหละ พระสุรเสียงนุมนวลอ่อนโยน ..ในตอนนั้นทั้งสองพระองค์ ไม่เคยพูดถึงการเมืองไทย เป็นการรู้กันเฉย ๆ ว่าไม่คุยเรื่องนี้ไม่มีการถามว่าจะ กลับไปครองราชย์หรือเปล่า ท่านไม่เคยรับสั่งถึงเรื่องอย่างนี้ ....ผมไม่ถามอะไรที่คิดว่าอาจจะไม่พอพระราชหฤทัย แต่จะว่าไม่สนใจเลย ก็ไม่ใช่ แน่นอนผมทึ่งสิครับ ทำไมจะไม่ทึ่งว่าองค์หนึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดิน อีกองค์หนึ่งเป็นเจ้าชาย ....แต่ทั้งสองพระองค์น่ารักมาก เป็นธรรมชาติ และทรงเปิดเผยมาก เราจึงเป็นเพื่อนกันได้ง่ายคุยกันก็ใช้ Tu ไม่ได้เรียก Vous แม้แต่เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้อย่างนั้น ท่านน่ารักมาก ...ตอนแรกหลังจากที่ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ผมก็เขียน จดหมายไปถึงท่าน ใช้ภาษาสูงอย่างถูกต้องตามพิธีการ พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงตอบกลับมาว่า เราเป็นเพื่อนกันนะ ขอให้ใช้ Tu เหมือนเดิม" หากเมื่อไรที่เขามาเมืองไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าทุกครั้ง - - - - - - - แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าใด ระยะทางจะห่างกันแค่ไหน แต่องค์ สมเด็จพระบาทพระเจ้าอยู่หัว ยังอยู่ในความทรงจำของคนเป็นจำนวนมาก ณ ต่างถิ่นแดนไกล พระสถิตอยู่ในใจคนไทยทั่วหล้า ขอพระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพลามัย สมบูรณ์แข็งแรง อยู่เป็นมิ่งขวัญปวงชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ.. ข้าพระพุทธเจ้า Blog Andaman น้อมเกล้าถวายพระพร - - - - - - - - - - ขอบคุณข้อมูลจาก: กองบรรณาธิการ มากคะ ( พวงรัตน์ กมลาโสภิษฐ์ ภคินี ) . . . . ยังมีอีกหนึ่งท่าน คือ เป๊าะเต็ง หรือ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายสายบุรี |
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ในหลวงกับพระสหาย ตอน 1
ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวา 2555 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบพระบาทถวายพระพร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง และทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาล ด้วยเทอญ. . . . . เรื่องพระสหาย เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2476 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ.2478 ทรง เริ่มศึกษาชั้นอนุบาลที่โรงเรียน Ecole Nouvelle de la Suisse Romande พร้อมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล . . . . เมอร์ซิเออร์กีย์-ฟรังซัวส์ ตาแวร์นีย์ พระสหายทั้ง 4 ท่านเป็นชาวสวิส ท่านแรกคือ เมอร์ซิเออร์ Guy- François Tavweney เป็นพระสหายร่วมห้องเรียน และนั่งโต๊ะเรียนติดกับพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะนี้เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ "ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการตำหนิจากครู เพราะทรงไป ทำความผิดบางอย่าง ทรงขออนุญาติออกไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ไปเป็นเพื่อนท่าน ด้วย ...ผมถามท่านว่าเป็นอะไร ท่านก็ไม่บอก ท่านเก็บความรู้สึก จะเห็นว่าท่าน ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็น ทั้งครูและเพื่อน ทรงควบคุมพระองค์เองได้เป็นอย่างดี .....เมื่ออยู่ในห้องเรียนก็ทรงมีน้ำพระทัยอยู่เสมอ ไม่เคยทรงทำอะไรเหลวไหล บางครั้งอาจจะทรงอยากทำ แต่ด้วยความที่ทรงเป็นเจ้านายก็เลยทำไม่ได้เมื่อ อยู่นอกห้องเรียน ก็ทรงเล่นอย่าสนุกสนาน เราเล่นฟุตบอลกันในลานหน้าตึก เรียนด้วย ......พระองค์ทรงเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แม้จะต่างกันที่ทรงมีผิวพรรณที่เข้มกว่า คนอื่นซึ่งมีผิวขาว แต่ทรงแต่งกายเหมือนอย่างเรา ๆ และอาจจะดีกว่าเราด้วย ทรงกางเกงตามสมัยนิยม สวมเสื้อหนัง" แม้เขาจะได้เป็นพระสหายร่วมเรียนชั้นเดียว กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียง 2 ปีก็ตาม เขาก็ยังมีความทรงจำที่ชัดแจ่ม และไม่เคยคุยโอ้อวดกับใคร แม้แต่คนไทยเองก็ตามเขารู้จักพระองค์ท่าน "มีหลายคนที่มักจะอ้างว่าเขาเคยรู้จัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วพวกเขา ก็พอใจที่ได้อ้างอย่างนั้น แต่สำหรับผมแล้วมิตรภาพลึกซึ้งกว่านั้น แม้ว่ามันจะมี เวลาแค่ 2 ปี แต่ผมไม่สามารถอธิบายอะไรออกมาได้มาก ....ผมไม่อยากบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู๋หัวรู้จักกับผมหรอก แต่ก็ยังอด คิดไม่ได้ว่า คงจะมีคนอีกมากที่มีโอกาสน้อยกว่าผม ผมเองก็ไม่เคยคุยกับพระ องค์ท่านหลังจากนั้น เพราะดูเหมือนว่า ทรงประทับอยู่บนยอดเขาเหนือสรรพสิ่ง แต่ผมอยู่เบื้องล่าง มันคงยากที่จะมีโอกาสได้คุยกับพระองค์ท่าน ...แม้ว่าในภายหลังพระองค์ท่านจะเสด็จฯ มาเยี่ยมที่โรงเรียน Ecole Nouvelle กับสมเด็จพระราชินีก็ตาม และตอนนั้นก็ไม่ค่อยกล้าคุยกับพระองค์ท่านด้วย" เขาเทิดทูนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนดั่งคนไทย-คนหนึ่ง . . . เมอร์ซิเออร์แบร์นาร์ บองนี่ พระสหายท่านที่ 2 คือ เมอร์ซิเออร์ Bernard Bonny เป็นพระสหายร่วมห้องเดียว กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเช่นกัน เคยเป็นทหารและเกษียณหน้าที่การงาน ที่บริษัทประกันภัย จากนั้นเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสให้กับคนต่างชาติที่โรงเรียน ในโลซานน์ อาทิตย์ละสองครั้ง เมอร์ซิเออร์บองนี่เป็นชาวโลซานน์ และได้มีโอกาสเรียนหนังสือพร้อมกับพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในสองปีสุดท้าย ที่โรงเรียน Ecole Nouvelle เมื่ออายุประมาณ 16 - 17 ปี "สำหรับพวกนักเรียนในโรงเรียนนี้ ทุกคนลืมไปเลยครับว่า เพื่อนร่วมชั้นคนนี้เป็น เจ้าชาย ไม่ได้นึกถึงเลย เพราะพระองค์ท่านมีพระทัยดีกับเพื่อนทุกคน ทรงสนุก สนานกับเพื่อน ๆ ร่วมชั้น ไม่วางอำนาจหรือเจ้ายศเจ้าอย่างเลย เป็นธรรมดามาก ....ตอนนั้นท่านประทับอยู่ใกล้ ๆ โลซานน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือใน สมัยนั้นยังทรงเป็นปริ้นซ์ภูมิพล ทรงมีห้องที่ประทับอยู่ในโรงเรียนด้วย บางครั้ง เวลาที่ท่านไม่มีเรียนหรือว่างเรียนสักชั่วโมงก็จะทรงชวนผมว่า 'มา..แบร์นาร์ มา ด้วยกันสิ' แล้วเราก็จะไปที่ห้องที่ประทับ ไปกินแอปเปิ้ลหรืออะไรกัน ...ในระหว่างสงคราม คนธรรมดามีรถยนต์ใช้ไม่ได้เขาห้ามครับ จะได้ก็เฉพาะพวก ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถเท่านั้น แล้วใครจะมีรถก็ต้องได้รับอนุญาติพิเศษ สำหรับ เจ้านายไทยแน่นอนครับ ท่านได้รับอนุญาติให้มีรถยนต์ได้ ผมจำรถของท่านได้ดี เป็นรถยี่ห้อ Salmson สีน้ำเงิน ....พ่อผมท่านคุ้นเคยกับพระราชวงศ์ เพราะตอนนั้นพ่อเป็นหัวหน้าเกี่ยวกับเครื่อง รถยนต์ ในช่วงสงครามมีรถยนต์ตามถนนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะใช้จักรยานกัน แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับในหลวงอนันทฯก็ยังทรงจักรยานเหมือน คนทั่วไป จะทรงขี่มากับพระพี่เลี้ยงท่านคือ นายเซอรายดาริส" เมอร์ซิเออร์บองนี่ ย้อนละลึกถึง บรรยากาศในห้องเรียนแล้วเล่าว่า.. "เวลาเรียนหนังสือท่านก็เหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง เป็นกันเองมาก ผมบอก ได้เลยว่า ในทุกวิชาที่พวกเราเรียนกัน ไม่ว่าจะเป็นวิชาเลข วรรณคดี หรือวิชา อื่น ๆ ท่านเรียนได้ดีมาก อยู่ในระดับต้น ๆ เลย ท่านเรียนเก่งมาก ผมเคยทูล ถามท่านครั้งหนึ่งว่า จะทรงศึกษาอะไรต่อหลังจากจบที่นี่แล้ว คือในระดับมหา วิทยาลัยนะครับ ...ในห้องเรียนสมัยนั้นครูกับนักเรียนไม่ค่อยคุยกัน นักเรียนมีหน้าที่ฟัง ครูถาม จึงจะตอบ ไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือถกปัญหากันเหมือนอย่าง ปัจจุบัน สมัยนั้นเราต้องให้ความเคารพครูมาก แต่ผมกับนักเรียนบางคนก็แผลง กับครูบ้างเป็นครั้งคราว ทำผิดกฎของโรงเรียนบ้าง แต่ปริ้นซ์ภูมิพล จะไม่เคย ทำเลย ท่านจะไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้ ....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงมีครูประจำพระองค์ เขาทำหน้าที่ เหมือนพระพี่เลี้ยง จะเอารถยนต์พระที่นั่งมารับท่านกลับ พระตำหนักหลัง จากเลิกเรียนแล้ว" เมอร์ซิเออร์บองนี่ เล่าถึงพระอุปนิสัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "ท่านค่อนข้างจะเอาจริงจังมาก ทรงมีน้ำพระทัยดีเสมอนะครับอย่างผมเป็น เด็กที่ค่อนข้างซน บางครั้งทำอะไรแผลง ๆ กับครูบ้างตามลักษณะวัยรุ่น แต่ปริ้นซ์ภูมิพลไม่เคยร่วมทำอะไรแผลง ๆ ด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำไม น่ะหรือครับ ก็เพราะว่าท่านเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก ทรงมีความคิดลึกซึ้ง ไม่วู่วามเลย ...หลังจากจบโรงเรียนนี้แล้วท่านก็เข้าเสด็จฯเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ส่วนผมไปเป็นทหาร เมื่อพ้นเกณฑ์ทหารแล้ว ผมก็เข้าเรียน Political Science จบแล้วผมก็เข้าทำงานกับบริษัทประกันภัยได้เป็นผู้อำนวยการ ฝ่ายฝึกงานพนักงาน เป็นบริษัทประกันภัยของสวิตเซอร์แลนด์ ...เมื่อท่านมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ผมเคยเขียนจดหมายไปถวายพระ พร ก็ได้รับการตอบรับจากท่านราชเลขาธิการ บอกว่าได้ถวายให้ท่านทอด พระเนตรแล้ว และทรงมีรับสั่งให้ตอบขอบใจมา มีอยู่สองสามฉบับครับ ยังเก็บเอาไว้ด้วย ....ในสมัยนั้นที่โลซานน์มีเจ้านายจากประเทศต่าง ๆ มาประทับอยู่มากมาย หลายราชวงศ์ด้วยกัน แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดก็คือจากราชวงศ์ไทย เพราะ อะไรน่ะหรือครับ ก็เพราะทุกคนที่นี้รักท่าน มีคนสวิสเป็นจำนวนมากที่มีความ รู้สึกพิเศษให้กับเจ้านายไทย เราจะเห็นหนุ่มน้อยสองพระองค์ขี่จักรยาน ตามท้องถนนที่โลซานน์เป็นประจำ สำหรับควีนสิริกิติ์นั้น เราส่วนใหญ่คิดว่าท่านเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ครับ ตัวผมเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน" เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนนี้แล้ว เขาก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จกลับไปเยือนโรงเรียน Ecole Nouvelle หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู๋หัวอีกเลย - - - - - - - - คลิกเลยค่ะ ในหลวงกับพระสหาย ท่านที่ 3-4 ตอนจบ คะ |
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555
สเต็กเนื้อสัน / Filetto di manzo
สเต็กเนื้อสันใน / Filetto di manzo ai ferri
เนื้อสันใน มันฝรั่ง อโวคาโด / Filet Patata Avocado
โรยด้วยเกลือ พริกไทยดำ ผงโรสแมรี่ / Condire con sale e pepe
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้น ๆ เคล้าด้วยน้ำมัน เตรียมเข้าอบ
ตั้งกะทะพอร้อน นำเนื้อลงย่าง
พลิกกลับด้าน ย่างจนสุกตามชอบ
มันฝรั่งสุกแล้ว เหยาะเกลือใส่นิดหน่อย
ใช้ได้แล้วค่ะ ผิวด้านนอกของเนื้อเกรียม ด้านในดึ๋ง ๆ ฉ่ำ ได้ความนุ่ม อร่อย จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมมันฝรั่งอบ ทานคู่กับอโวคาโด และเหยาะน้ำมันมะกอกนิดหน่อยค่ะ Buon Appetito - - - - - - - - - ปิดครัว - - - - - - - - |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)