วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

งานศิลป์ดินเผา

งานศิลปดินเผาที่ดูราวมีชีวิต

หุ่นยืนนิ่งเงียบแลดูลึกลับ ไม่มีใครทราบแน่ชัด มันเป็นหุ่นอะไรและ
ถืออะไรกดพุงตัวเองอยู่ ก้อนไขมันและกล้ามเนื้อของหุ่นชายอ้วน
ตัวนี้ดูราวกับคนจริง นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า นี่คือหุ่นนักแสดง
ที่คอยถวายความสำราญแด่ดวงวิญญาจิ๋นซีฮ่องเต้.

ข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นตัวนี้มีน้อยมาก รู้แต่ว่ารูปปั้นขนาดเท่าคนจริงเก่าแก่ที่สุด
เท่าที่เคยพบให้จีน ใกล้เนินสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรก
ผู้ทรงรวมจีนให้เป็นปึกแผ่น ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จิ๋น

ตัวนี้ที่ชูนิ้วคล้ายกำลังควงจาน ตัวที่ยืนกุมมือคล้ายกำลังเล่าเรื่อง
อีกตัวคล้ายกำลังยกน้ำหนัก ผู้รู้บางท่านสัญนิฐานว่า..จีนรับประติกรรม
แบบสัจนิยมผ่านทางชนเผ่าซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะกรีกมาอีกทอดหนึ่ง

ค้นหาสมบัติปฐมจักรพรรดิ

จิ๋นซีฮ่องเต้และจักรพรรดิจิ้งตี้เป็นอีกคู่หนึ่งที่ไม่สมกันเลย องค์หนึ่ง
เป็นนักปฎิรูปชนิด ถอนราก ถอนโคน มักถูกตราหน้าว่าเป็นทรราช
และราชวงศ์ของพระองค์ยังล่มสลาย หลังเสด็จสวรรตเพียง 4 ปี

ส่วนอีกองค์หนึ่งทรงเป็นประมุขที่สุขุม
บางครั้งทรงยึดหลักแห่งเต๋า เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่น
ให้ราชวงศ์ซึ่งปกครองอยู่นานกว่า 4 ศวรรต


แม้จักรพรรดิทั้งสองจะแตกต่างกันลิบลับ แต่ทุกวันนี้โบราณคดี
ก็เปรียบเสมือนสายสัมพันธ์ เชื่อมทั้งสองพระองค์ไว้ด้วยกัน.

ข้อมูลจาก NATIONAL GEOGRAPHIC
...ดอกฝิ่น//.

อารยธรรมโบราณ

                     สมบัติโบราณจากสุสานราชวงศ์จีน



สีสันบนใบหน้าหุ่นทหารดินเผา ยังดูราวกับมีชีวิตเหมือน
ตอนถูกฝั่งเมื่อ 2,200 ปีก่อน นี่คือเหล่าทหารที่จะติดตาม
ไปถวายอารักขา จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนองค์แรกในปรภพ
บัดนี้ มรดกจากพิธีศพอันอลังการ ของสองจักพรรดิกำลัง
เผยความลับของจักรวรรดิอันเกรียงไกร

ปัจจุบันมีการศึกษาเรื่องราวของราชวงศ์ทั้งสอง ด้วยการ
ค้นสุสานของจักรพรรดิ 2 แห่งคือสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้
และของจักรพรรดิฮั่นจิ่งเต้ จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์
ฮั่นตะวันตก ผู้ปกครองจีนตั้งแต่ 157 ถึง 141 ก่อน ค.ศ.

ในเมื่อชาวจีนเชื่อว่า ชีวิตในปรภพสืบเนื่องชีวิตจากภพนี้
งานศึกษาด้านโบราณคดีจึงเปรียบเสมือนหน้าต่างสู่อดีต
เพื่อดูว่าสิ่งใดสำคัญต่อผู้ปกครองทั้งสอง และวัฒนธรรม
ของพระองค์.

ข้อมูลจาก NATIONAL GEOGRAPHIC

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สิงโตกับสุนัข

ครั้งหนึ่งมีการแสดงสัตว์ป่าเปิดขึ้นที่กรุงลอนดอน
ผู้เข้าชมต้องชำระเงิน หรือนำเอาสุนัขหรือแมวมาให้เป็นอาหารของสัตว์ป่า

ชายคนหนึ่งอยากดูมาก ได้จับเอาสุนัขเล็กตัวหนึ่งจากข้างถนนมาให้เป็น
ค่าบัตรผ่านประตู แน่ละเขาได้รับอนุญาติให้เข้าชมได้ ขณะเดียวกันสุนัข
ตัวน้อยที่เขานำมาให้นั้น ได้ถูกโยนไปในกรงสิงโตเพื่อเป็นอาหาร

เจ้าหมาน้อยก่งห่างเข้าไว้ ในระหว่างขาทั้งสองเตรียมพร้อมไว้ที่มุมกรง
 สิงโตเดินผ่านมาดม ๆ ดู เจ้าหมาน้อยก่งหลังกาง เล็บเท้าหน้า
ชูขึ้นในอากาศเริ่มกวาดหาง

สิงโตเอาอุ้งเท้าแตะโดนสุนัขแล้วถอยออก เจ้าหมาน้อยกระโดดจังก้า
 เตรียมสู้เต็มที่ สิงโตมองดูเจ้าหมาน้อยแล้วส่ายหัวไปมา แต่ไม่ได้ทำ
อะไร เมื่อนายโยนก้อนเนื้อลงไปให้สิงโตก็ฉีกเป็นชิ้น ๆ ออกกิน
 และเหลือไว้ให้เจ้าหมาน้อยด้วย

เมื่อสิงโตนอนหลับ คืนวันหนึ่ง เจ้าหมาน้อยก็เข้าไปนอนใกล้ ๆ
 เอาหัวพาดอุ้งเท้าสิงโต สุนัขและสิงโตอยู่กรงเดียวกัน ตั้งแต่นั้น
เป็นต้นมา สิงโตไม่ทำร้ายสุนัข แต่กินอาหารและนอนร่วมกับสุนัข
 บางที่ก็หยอกล้อเล่นกันด้วย

วันหนึ่งสุภาพบุรุษเจ้าของสุนัขเข้าชมการแสดง ก็จำสุนัขของตนได้
จึงบอกเจ้าของรายการแสดงสัตว์ป่าให้ทราบ และขอสุนัขคืน แต่เมื่อ
ไปเรียกสุนัขที่กรง สิงโตคำรามลั่น ยืนคอยปกป้องสุนัขอย่างแข็งขัน

เจ้าหมาน้อยกับสิงโตอยู่กรงเดียวกันต่อ เป็นเวลาหนึ่งปี
ต่อมาเจ้าหมาน้อยล้มป่วยถึงแก่ความตาย สิงโตหยุดกินอาหาร
เอาแต่ดมและเลียเจ้าหมาน้อย บางคราวก็เอาอุ้งเท้าไปแตะ ๆ

เมื่อมันรู้ว่าเจ้าหมาน้อยตาย มันก็อาละวาดกระโดดตะกุยตะกาย ถีบกัด
สิ่งกีดขวางต่าง ๆ รวมทั้งกำแพงและพื้นมันกระโดดทุ่มตัว คำรามลั่น
ทั้งวัน พอเหนื่อยก็จะนอนข้าง ๆ ซากสุนัขที่หาชีวิตไม่แล้วนั้น เจ้าของ
พยายามที่จะเอาร่างสุนัขออกจากกรง แต่สิงโตไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้

เจ้าของคิดว่าสิงโตอาจจะลืมความโศรกเศร้าได้ ถ้ามีสุนัขตัวใหม่
 จึงหาสุนัขที่เป็น ๆ ใส่ลงในกรง แต่ถูกเจ้าสิงโตจับฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทันที จากนั้นก็เอาอุ้งเท้าวางรอบ ๆ ซากเพื่อนที่สิ้นชีวิตแล้ว และนอนนิ่ง
ไม่ไหวติงเป็นเวลาห้าวัน ครั้นถึงวันที่หกมันก็ตาย

นิทาน ลีโอ ตอลสตอย//..

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

6 ตุลา 2519 ความจริงที่ถูกปิดบัง ตอน 2


 
เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจับล้อม
และสังหารนิสิตนักศึกษา ประชาชน บริเวณ ม. ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
ผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ให้ จอมพลถนอม กิตติขจร ออกนอกประเทศ

สาเหตุความขัดแย้ง...สรุปสั้น ๆ ในขณะนั้นได้เกิดการแตกแยก
ทั้งในพรรคการเมืองและกลุ่มประชาชนออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่สนับสนุน
บทบาทของนิสิตนักศึกษา และกลุ่มที่ต่อต้านนิสิตนักศึกษา
ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น

 วันที่ 24 กันยายน 2519 พนักงานการไฟฟ้านครปฐม
และแนวร่วมสมาชิกต่อต้านเผด็จการ ถูกซ้อมตายขณะออกไปติด
โปสเตอร์ต่อต้าน และถูกนำศพไปแขวนคอที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ต. พระประโทน จ. นครปฐม ความเคลื่อนไหวทวีความรุนแรงมากขึ้น

สภาแรงงานได้ยื่นคำขาดให้ จอมพลถนอม ออกนอกประเทศ
ภายใน 5 วัน ต่อจากนั้น นิสิตนักศึกษา สภาแรงงาน ทั้งผู้ต่อต้านได้
รวมตัวกันประท้วงที่ท้องสนามหลวง จากนั้นจึงย้ายไปที่ ม. ธรรมศาสตร์

วันที่ 4 ตุลาคม 2519 มีการแสดงละคร เกี่ยวกับการฆ่าแขวนคอ
ของพนักงานการไฟฟ้า หลังจากนั้นสถานีวิทยุออกข่าวว่า นักศึกษา
ที่แสดงละครมีใบหน้าคล้าย (?) ถูกแขวนคอ

เช้าวันที่ 5 ตุลา 2519 หนังสือพิมพ์เผยแพร่ภาพการแสดงละคร
ล้อเลียน แขวนคอของนักศึกษา โดยพาดหัวข่าวเป็นเชิงว่า การแสดง
ดังกล่าวเป็นการหมิ่น ค่ำคืนนั้นสถานีวิทยุ และชมรมวิทยุเสรี เรียกร้อง
ให้ประชาชน และลูกเสือชาวบ้าน ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
และเรียกร้องให้รัฐบาลจับ ผู้กระทำหมิ่นมาลงโทษ

เช้า 6 ตุลา 2519 เวลาประมาณ 9.00 น.วิทยุแห่งประเทศไทย
ได้กระจายข่าวว่ามีการจราจลขึ้นในแผ่นดิน เสียงประกาศและเสียงปืนรัว
ถี่ยิบเป็นระลอก ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ ตำรวจโดยคำสั่งของรัฐบาล
เสนีย์ ปราโมช ได้ใช้อาวุธสงครามบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 และยังมีกองกำลัง กระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน และนวพลเสริม
บ้างก็ล้อมอยู่รอบนอก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดนล้อมไว้ กลุ่มต่อต้าน
นักศึกษาได้ใช้รถบัสพุ่งเข้าชนประตูมหาวิทยาลัย ใช้อาวุธหนักระดมยิงกระสุน
วิถีโค้งยิงกราดเข้าไปยังกลุ่มนักศึกษาซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ตายไปบาดเจ็บไป
คนที่หนีออกมาข้างนอกก็ต้องเสี่ยงกับความทารุณโหดร้ายอย่างยิ่ง

ตชด.เข้าประจำการแทนตำรวจท้องที่ และมีกำลังเสริมเข้ามาอีกสองคันรถ
 ยิงเข้าใส่กลุ่มนักศึกษา ประชาชน อย่างไม่ย้บยั้ง ฝูงชนแตกตื่น วิ่งหนีออก
ทางหน้าประตูมหาวิทยาลัย ในจำนวนนี้ มีมากกว่า 20 คน ถูกรุมตีกระทืบ
บางคนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ยังไม่สิ้นใจ ได้ถูกลากออกไปแขวนคอ
 บางคนถูกราดน้ำมันเผาทั้งเป็น บางคนถูกยิงเสียชีวิตทันที

มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ถูกรุมตีจนสิ้นชีวิต แล้วถูกเปลือยผ้าประจาน
 มีหลายคนที่เดินเลี่ยงออกไปด้วยน้ำตาคลอ

พอตกเย็น ๆ วิทยุได้ประกาศยุบรัฐบาล
สมัย ม. ร. ว.เสนีย์ ปราโมชเป็นนายกรัฐมนตรี และตั้งคณะ
ปฎิรูปปกครองบ้านเมืองขึ้นใหม่ โดย พล. ร.อ. สงัด ชลออยู่
เป็นหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ประกาศกฎอัยการสึก

เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ยังมีรายละเอียดอีกมากมาย
ที่ไม่สามารถบอกเล่าได้หมดในพื้นทีตรงนี้
 

ขอขอบคุณ: ผู้ที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา
ขอบคุณ: ภาพทุกภาพจากอินเตอร์เนตค่ะ

.........ดอกฝิ่น//....





ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้




 
น้ำตาซึมทุกครั้งเมื่อเห็นภาพ
เขาคนนี้ไม่ใช่คนไทยหรือ..
 
- - - - - - - -
 
 

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เด็กหญิงเล็ก ๆ กับเห็ค

เด็กหญิงเล็ก ๆ สองคนเดินกลับบ้านถือตะกร้าใส่เห็ด มาเต็มตามทาง
ทั้งสองต้องผ่านทางรถไฟ ขณะอยู่บนทางรถไฟคิดว่ารถไฟยังไม่มา
จึงพากันเดินเล่นตามรางรถไฟ

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เด็กคนโตวิ่งกลับลงมาจากทาง
 ส่วนคนเล็กวิ่งข้ามรางรถไฟ สะดุดเซทำให้เห็ดในตะกร้าตกกระจาย
ด้วยความเสียดาย เธอจึงกลับมาในรางอีกเพื่อเก็บเห็ดที่ตก ทั้ง ๆ ที่พี่สาว
ตะโกนให้วิ่งเลยไปก่อนอย่าเพิ่งเก็บ แต่เด็กน้อยก็ก้มลงเก็บทีละดอก ๆ

รถไฟใกล้เข้ามา พนักงานคนขับเปิดหวูดเต็มที่ "ทิ้งเห็ดเสียก่อน"
 เด็กหญิงคนพี่ตะโกนบอกน้องสาว แต่น้องสาวไม่ได้ยินคิดว่าพี่สาว
สั่งให้เก็บให้หมด เธอจึงก้มลงคลานเก็บไปมาระหว่างทางรถไฟ

พนักงานขับรถไฟไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน พยายามเปิดหวูดเตือน
อย่างเต็มทีแล้ววิ่งผ่านไป พี่สาวตะโกนสุดเสียงและร้องไห้ คนโดยสาร
มองผ่านทางช่องหน้าต่าง ตำตรวจรถไฟวิ่งมาท้ายขบวนเพื่อดูว่า
จะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงเล็ก ๆ คนนั้น

พอรถเลยไป ทุกคนเห็นเด็กนั้นนอนนิ่ง ก้มหน้าอยู่ระหว่างรางรถไฟ
เมื่อรถไฟผ่านพ้นไปแล้วเธอก็เงยขึ้น คุกเข่าเก็บเห็ดต่อไปจนหมด
แล้ววิ่งนำมาให้พี่สาว

นิทาน ลีโอ ตอลสตอย//..

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เขมร วันนี้..






 
กองกำลังกัมพูชาที่พัฒนาแล้ว
ฮุน เซน "ไม่ถอนกำลังออกจากเขาพระวิหาร"
ประกาศกร้าวให้กองกำลังพลอยู่ในภาวะพร้อมยิง

คุณคิดอย่างไร
ในขณะที่คนไทยยังไม่รวมกันเป็นหนึ่ง


......ดอกฝิ่น//..

วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แอนนา คาเรนินา 3 ตอนจบ

แม้ว่าอเล็กซีผู้เป็นสามีจะมิได้ดำเนินการหย่าให้เสร็จสิ้น เขาก็เชื่อว่า
ตนได้แยกทางกับแอนนาแล้ว แอนนาหมดหนทางที่จะกลับไปอยู่บ้าน
เดิมของสามีเก่าอีกต่อไป อเล็กซีมุ่งทำงานด้านการเมืองและมีเกียรติ
อันไม่ด่างพร้อย เขาเสียชื่อบ้างกรณีถูกภรรยาไม่ซื่อสัตย์ ซึ่งทำความ
มัวหมองให้เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แต่กรณีชนชั้นสูงของรัสเซีย ยังคง
ต้อนรับชายหนุ่มอย่างเขาด้วยดี

ส่วนแอนนา คาเรนินากลับถูกสังคมประนามมาก จนไม่อาจสู้หน้า
ใครได้ เธอต้องแอบเข้ามาในเมืองบางคราว เพื่อพบเซอโยซาบุตร
ชายในระยะเวลาอันสั้น ด้วยเกรงว่าสามีเดิมจะมาพบเข้า หลังจาก
เยี่ยมลูกแต่ละครั้ง เธอก็กลับไปด้วยความโศรกเศร้าและขมขื่น เธอ
ได้อ้อนวอนขอให้ วรอนสกี อยู่ใกล้ ๆ คอยเอาใจพูดจาด้วยเธอจะได้
ไม่เหงา เพราะมาระยะหลัง วรอนสกีกลับห่างเหินเธอไปจนผิดสังเกตุ

และต่อมาเธอได้ทราบแน่ชัดว่า วรอนสกี ชู้รักของเธอกำลังติดพัน
กับผู้หญิงคนอื่นที่สาว และสวยกว่าเธอ แอนนาเริ่มหมดอาลัยใน
ชีวิตแม้แต่ลูกน้อยคนเล็กเธอก็ไม่อาจเอาใจใส่เท่าไรนัก

จนกระทั่งวันหนึ่ง แอนนาไม่อาจทนอยู่ในคฤหาสน์แต่คนเดียวได้
จึงออกเดินไปเรื่อย ๆ ไปยังสถานีรถไฟ ขณะที่กำลังเหม่อยืนดูคน
เดินผ่านไปมาบริเวณชานชาลาสถานีอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงรถไฟ
กำลังแล่นมา ทันใดเธอก็นึกไปถึงชายคนหนึ่ง เมื่อประมาณสองปี
ก่อนที่วิ่งให้รถไฟทับ ณ กรุงมอสโก เธอกับวรอนสกี ได้เห็นภาพ
ติดตามาในครั้งนั้น

ดังนั้นพอรถไฟแล่นมาถึง แอนนากระโจมเข้าไปในระหว่างรถไฟ
ร่างของเธอซึ่่งครั้งหนึ่งเคยสวยงาม ดุจดวงดาว ดวงเด่น จึงถูก
บดขยี้แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ด้วยประการฉะนี้

หลังจากแอนนา คาเรนินาสิ้นชีวิตไปแล้ว วรอนสกีชู้รักก็ตัดสินใจ
เข้ารับราชการในกองทัพบก เขากลายเป็นคนซึมเซา ทั้ง ๆ ที่ครั้งหนึ่ง
เป็นคนร่าเริงแจ่มใส บัดนี้เขากลายเป็นคนไม่แยแสกับชีวิต แม้ต่อ
ความตาย เขารู้สึกว่าชีวิตหมดความหมายเสียแล้ว เมื่อปราศจาก
แอนนาที่เขารู้สึกรักอย่างปักใจ เมื่อสายเสียแล้ว

ฝ่ายคอนสแตนติน เลวิน นักปรัชญาหนุ่ม ได้ขอแต่งงานกับกิตตี้
อีกครั้ง ครั้งนี้กิตตี้ไม่ปฎิเสธ ในไม่ช้าคนทั้งสองก็เข้าพิธีแต่งงานกัน
สมปรารถณา จากนั้นเลวินก็ใช้ชีวิตมุ่งทำงาน เพื่อความเจริญของ
ส่วนตัวและส่วนรวม เขาตระหนักว่าความมั่งคั่งมั่นคง ที่เขาต้องรับ
ผิดชอบนั้น ขึ้นอยู่กับการทำงาน การติดต่อกับชาวนา

ส่วนกิตตี้เองก็เป็นกำลังใจช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระรับผิดชอบ
ของเขาอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าจะมีปัญหาอีกมากมาย ที่เลวินไม่อาจ
แก้ไขให้คำตอบแก่ตัวเองได้จนเป็นที่พอใจ แต่กระนั้นเขาก็ดีใจ
กับความสวยงามของชีวิตในปัจจุบัน กับภาระอันหนักหน่วงและ
การพักผ่อนในยามว่าง ประกอบกับความทุกข์และความสุข
อันมีระคนปนเปอยู่ในโลกนี้

....เคาน์ ลีโอ ตอลสตอย//...
ขอบคุณ ช่อเชอรี่ ผู้แปล


วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แอนนา คาเรนินา 2

หลังจากต้องอกหักเพราะถูกปฎิเสธรักจากกิตตี้แล้ว เลวินนักปรัชญาหนุ่ม
ได้เดินทางกลับไปบ้านพักยังคฤหาสน์ในชนบท ใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับงาน
ในไร่นาตลอดจนต่อสู้กับปัญหาเรื่องเเรงงานของชาวนาชาวไร่ การได้
ทำงานร่วมกับพวกทาส ทำให้เขาเกิดความสนใจปรัชญาการครองชีวิต
ซึ่งเป็นหลักธรรมอันเก่าแก่ เขาตั้งต้นศึกษาอย่างสนใจจนมีความรู้แตกฉาน
และได้วางโครงการฟื้นฟูระบบสหกรณ์ธุรกิจขึ้นเผยแพร่ความคิดนี้
 ให้คนรุ่นใหม่ได้ทราบ

ระยะนั้นเค้ารู้ข่าวว่ากิตตี้ยังมิได้แต่งงาน ความผิดหวังทำให้เธอล้มเจ็บลง
 เขามีความรู้สึกว่าเธอดูจะยังมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเห็นใจความรักของเขาที่มีต่อ
เธออยู่เหมือนกัน แต่ทิฐิของแต่ละฝ่ายทำให้ต้องแยกจากกัน เขาตัดสินใจ
เดินทางไปมอสโก ไปด้วยความหวังใหม่ว่า ในไม่ช้าคงจะโชคดีได้มีกิตตี้
อยู่เคียงข้างเป็นคู่ชีวิตต่อไป

เมื่อแอนนาพูดเรื่องนี้กับอเล็กซีผู้สามี กลับได้รับคำตอบอย่างชาเย็น
 เขาจะต้องถือว่าเด็กคนนั้นคือลูกของเขา โดยอ้างเหตุผลว่าใครจะได้
ไม่รู้ถึงการกระทำอันชั่วช้าน่าบัดสีของภรรยาเขา และปฎิเสธเด็ดขาด
ที่จะหย่าขาดยังโรงศาลเพราะจะเป็นเหตุอื้อฉาวทางสังคมไม่สิ้นสุด
 อเล็กซีขู่แอนนาว่าจะพรากเซอโยซาผู้เป็นลูกชายไปเสียจากเธอ
 ถ้าหากเธอยังกระทำนอกลู่นอกทางต่อไปอีก

ความสัมพันธ์ในครอบครัวของแอนนากับอเล็กซีตึงเครียดขึ้นทุกที แต่ยังไม่
ถึงขั้นแตกหัก จนคืนหนึ่งอเล็กซีมีนัดจะออกไปข้างนอก แอนนาจึงมีโอกาส
นัดให้วรอนสกีมาที่บ้าน เผอิญอเล็กซีเสียเวลาจึงไปช้า ขณะกำลังจะออก
จากบ้าน วรอนสกีก็เข้ามาพอดี คนทั้งสองพบกันที่หน้าประตูบ้าน อเล็กซี
โกรธมาก บอกแอนนาว่าตัดสินใจหย่าขาดจากเธอ และจะกักตัว
เซอโยซาไว้โดยไม่ยอมให้เธอพบ

การดำเนินคดีหย่าร้างเต็มไปด้วยความยุ่งยาก ยืดเยื้ออย่างยิ่ง ข่าวซุบซิบ
นินทาโจษจัน ได้แพร่หลายออกไปรวดเร็ว กว้างขวาง ขบวนการพิจารณา
แต่ละขั้นตอนอืดอาดเอือมระอา จนอเล็กซีไม่อาจทนได้กำหนดการคลอด
ของแอนนาก็ยิ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาจึงกระอักกระอ่วนมาก เพราะเขา
ต้องเข้ารับตำแหน่งสำคัญทางการเมืองที่จำเป็นต้องรักษาชื่อเสียงไว้ก่อน

ภายหลังคลอดลูกออกมาเป็นหญิง แอนนาล้มป่วยลงอย่างหนักจนเกือบ
เอาชีวิตไม่รอด วรอนสกีเองก็กลัดกลุ่มคุ้มคลั่งถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย
 อเล็กซีเมื่อคลายความเจ็บแค้นลง ก็ได้ตกลงปลงใจผ่อนปรนให้ภรรยาได้
พบปะกับวรอนสกีชู้รักได้ ตามคำขอร้องในโอกาสสุดท้ายที่เขาคิดว่า
 ชีวิตภรรยาคงจะไม่ยืนยาวต่อไปอีกสักเท่าใด การได้พบเห็นหน้าวรอนสกี
ชู้รักทำให้อาการของแอนนา กระเตื้องดีขึ้นหายวันหายคืน หลังจากนอน
ป่วยอยู่หลายเดือนในที่สุดเธอก็หายเป็นปกติ

ต่อจากนั้นเธอก็เดินทางไปอิตาลีกับชู้รักพร้อมด้วยลูกสาวตัวน้อย ๆ ความเป็น
อยู่ของเธอในอิตาลีไม่สู้ราบรื่นนักเพราะความเจ้าชู้ของวรอนสกีนั้นเอง ในที่สุด
ทั้งคู่เดินทางกลับรัสเซียมาอยู่ร่วมชีวิตที่คฤหาสน์ของวรอนสกี (ต่อตอน3)

แอนนา คาเรนินา 1.

แอนนา คาเรนินา เป็นนวนิยายยิ่งใหญ่ประเภทวิจารณ์สังคมของรัสเซีย
ในศวรรรษที่ 19 ผู้แต่งคือ ลีโอ ตอลสตอย ได้พิพ์จำหน่ายครั้งแรกระหว่าง
ค.ศ. 1870-1875 องค์การวรรณกรรมคลาสสิก ถือเป็นงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่ง
ที่คนนิยมชมชอบกันแพร่หลาย เพราะได้บรรยายชีวิตให้เห็นเด่นชัด

โครงเรื่องมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นโศกนิยายของหญิงดาวสังคมชื่อ
คาเรนินา ซึ้งเกิดไปรักกับชายที่ไม่ใช่สามีของตน จนตกเป็นข่าวอื้อฉาว

อีกส่วนหนึ่ง คือความรักที่พอจะเป็นคติของ เลวิน ผู้มีอารมณ์อ่ออนไหว
ซึ่งตอลสตอยได้เขียนขึ้นตามปรัชญาส่วนตัว เรื่องราวอันซาบซึ้ง ดื่มด่ำ
จริงจัง ฉาวโฉ่ แกมเศร้าสลดของแอนนา คาเรนินาและเลวินได้สะท้อน
ออกมาเป็นภาพชีวิตจริงของสังคมชาวรัสเซีย ในสมัยของผู้ประพันธ์
เกือบทุกแง่ทุกมุม

นวนิยายนี้ขมวดปมเรื่องราวของหญิงคนหนึ่ง ที่ถูกจำกัดอยู่ใน
กรอบหรือพันธนาการของระบบสังคมรัสเซียไว้อย่างแนบเนียบ

บุคลสำคัญในเรื่องนี้

1. แอนนา คาเรนินา เป็นนางเอกดาวสังคมผู้มีบทบาทหนัก
2. อเล็กซี คาเรนิน...........................สามีของแอนนา
3. เคาน์ วรอนสกี ............................ชู้รักของแอนนา
4. สเตฟัน โอบรอนสกี ....................พี่ชายของแอนนา
5. กิตตี้ เชอร์แบตสกี ................น้องภรรยาของสเตฟัน
6. คอนสแตนติน เลวิน ...........................คู่รักของกิตี้
7. คอลลี ภรรยาของสเตฟัน โอบรอนสกี... พี่สาวของกิตตี้

เค้าเรื่องย่อมีว่า แอนนา คาเรนินา ได้เดินทางมายังกรุงมอสโก
เพื่อเยี่ยมเยียน สเตฟัน โอบรอนสกี พี่ชายเนื่องจากได้ข่าวว่า
พี่ชายคนนี้กับดอลลีภรรยากำลังมีเรื่องระหองระแหงภายในครอบครัว
เธอตั้งใจจะมาไกล่เกลี่ย เพราะพี่ชายมีความรักและเชื่อถือในตัวเธอ
อยู่ไม่น้อย เธอจึงมีโอกาสพบปะทำความรู้จักกับเคาน์ วรอนสกี
 หนุ่มรูปงามในวงสังคมชั้นสูงของกรุงมอสโกก็มีความพอใจ แต่สิ่ง
ที่ทำให้เธอสนใจมากก็คือทราบว่า เคาน์ วรอนสกี กำลังมาติดพัน
ขอความรักจากกิตตี้น้องภรรยาของพี่ชายเธอ และเธอเอง
ก็ยินดีสนับสนุนช่วยเหลือ

กิตตี้จัดได้ว่าเป็นคนสวย มีผู้คนมาชอบหลายคน ในจำนวนนี้
มีชายหนุ่มนักปรัชญาคนหนึ่งชื่อ คอนสแตนติน เลวิน เกิดใน
ตระกูลดีมีคฤหาสน์ใหญ่โต แต่กิตตี้ไม่สนใจมากไปกว่ารู้จักกัน
อย่างธรรมดา เพราะเธอมีใจเอนเอียงมาทาง วรอนสกี หนุ่มรูปหล่อ
เชื้อสายขุนนางเก่า เธอได้ปฎิเสธความรักจากเลวินและทุ่ม
ความรักมาให้แก่วรอนสกี ในช่วงที่แอนนา คาเรนินามาเยี่ยมพี่ชาย
 และพยายามช่วยให้กิตตี้กับวรอนสกีสมความปราถณา กิตตี้ต้อง
ผิดหวังเพราะวรอนสกี มิได้รักเธออย่างจริงจัง หากไพล่ไปรัก
แอนนา ถึงกับสารภาพว่ารักอย่างหมดหัวใจตั้งแต่แรกพบ

แอนนาลำบากใจมาก เมื่อเดินทางกลับบ้านที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
วรอนสกีได้ติดตามไปด้วย วรอนสกีไปพักอยู่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เป็นเวลานาน ระหว่างนั้นมีผู้คนเห็นคนทั้งสองเที่ยวไปไหนมาไหน
ด้วยกันเสมอ บางทีก็ไปดูละครกันสองต่อสองอย่างเปิดเผยโดยไม่สนใจ
การซุบซิบนินทาในวงสังคม ซึ่งได้แพร่กระจายออกไปทุกที

แอนนา คาเรนินา มิใช่เป็นคนตัวเปล่า เธอมีสามีแล้ว สามีเป็นคน
มีเกียรติเยือกเย็น ปราศจากอคติชื่อ อเล็กซี คาเรนินา ซึ่งเค้าได้
พยายามทัดทานมิให้ภรรยากระทำโดยมิได้คิด เพราะฐานะทางสังคม
ของเค้ากำลังเสื่อมเสีย คืนวันหนึ่งเค้าพูดกับแอนนาตรง ๆถึงเรื่องนี้
 ชี้ให้เห็นอันตราย จากการไปเที่ยวสองต่อสองกับชายอื่น และห้ามมิให้
เธอรับรองวรอนสกีที่บ้านอีก เพื่อความรอบคอบ อเล็กซีได้กำชับให้
แอนนาระมัดระวังตัว เตือนให้เธอนึกถึงหน้าที่ของเธอที่มีต่อเซยโยซา
ผู้เป็นบุตรที่ยังเล็กอยู่ เขาบอกว่าเขามิได้หึงหวง เพียงแต่ต้องการ
รักษาชื่อเสียงเกียรติยศทางสังคมในเรื่องความประพฤติของเธอเท่านั้น
แอนนารับปากว่าจะเชื่อและปฎิบัติตาม เรื่องจึงระงับไปชั่วคราว

อย่างไรก็ดี แอนนามีจิตใจฝักใฝ่ผูกพันกับเคาน์ วรอนสกีลึกซึ้งเกินกว่า
จะระงับได้ด้วยจริยธรรม จนเธอไม่อาจซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงได้ คราวหนึ่ง
เมื่อวรอนสกีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่สนามม้า เธอก็ไปเยี่ยมเอาใจใส่
ดูแลประคับประคองเขาอย่างสนิทสนมเกินธรรมดา อเล็กซีไม่พอใจยิ่ง
 ได้ติเตียนและห้ามมิให้เธอไปยุ่งกับวรอนสกีอีก แต่ไม่สำเร็จ

เขาคิดมากมายคิดถึงการแยกทางและหย่าร้าง ตลอดจนคิดจะขอท้าดวล
กับวรอนสกีเพื่อกู้เกียรติ แต่ในที่สุดก็เลิกคิดและตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะกัก
แอนนาอยู่แต่ในบ้าน ซึ่งเขาเชื่อว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นขอบเขตทาง
ศาสนาที่ผู้เป็นสามีอย่างเขาพึงทำได้ กระนั้นก็ตามแอนนายังไม่วาย
หาทางติดต่อกับวรอนสกีอย่างลับอยู่ตลอดเวลา (ต่อตอน 2)

เคานต์ ลีโอ ตอลสตอย//..
ขอบคุณ ช่อเชอรี่ ผู้แปล