วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติศาสตร์ฆาตกรรมของโลก

1. ซัดดัม ฮุสเซ็น
อนุสาวรีย์ของซัดดัม ฮุสเซ็น ที่เคยตั้งอยู่ใจกลางเมืองของกรุงแบกแดด ได้ถูกทำลายได้แพร่ภาพไปทั่วทุกมุมโลกนั้น ได้เป็นสัญญาณให้ชาวโลกได้เห็นว่า มหาอำนาจที่ซัดดัมได้สั่งสมมานานนับหลายปีนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่กระนั้นเหตุการณ์เหล่านี้ก็จะเป็นความทรงจำและเป็นภาพประวัติศาสตร์ของชาวโลก ชาวอิรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเคิร์ตซึ่งซัดดัมเคยสั่งการให้กองทหารของเขากระทำต่อประชาชนชาวเคิร์ตเยี่ยงฆาตกรใจโหด ที่ได้สั่งการให้ฆาตกรรมหมู่ประชาชนชาวเคิร์ตอย่างไร้มนุษยธรรม แต่ฆาตกรการเมืองใจโหดอย่างซัดดัม ฮุสเซ็น นั้นได้มีมานับเป็นเวลาช้านานหลายศตวรรษแล้ว

ซัดดัม ฮุสเซ็น
2. โจเซฟ สตาลิน
นับว่าเป็นผู้นำที่สังหารประชาชนชาวโซเวียตเป็นอันดับหนึ่งของโลก เมื่อสตาลินได้ขึ้นเป็นผู้นำระดับประเทศนั้น เขาได้ทำการปฎิรูประบอบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ดังนั้นชาวนาเกษตรกรที่เคยมีพื้นดินทำกินเป็นของตัวเองจำต้องถูกยึดให้เป็นของรัฐบาลทั้งสิ้น ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าต้องมีประชาชนในโซเวียตได้ต่อต้านเป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจากการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารแผ่นดินในครั้งนั้น สตาลินได้สังหารประชาชนไปเป็นจำนวนถึง 11.4 ล้านคน แและต่อมาภายใต้สงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนชาวโซเวียตก็ต้องถูกสังหารอีกเป็นจำนวนมากเช่นกัน.

โจเซฟ สตาลิน
3. เหมาเจ๋อตุง
ซึ่งนับว่าเป็นผู้นำที่มีอำนาจภายใต้ระบบการปกครองลัทธิคอมมิวนิสต์ที่นานมากและก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาได้สั่งการฆาตกรรมประชาชนชาวจีนเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน คือนับตั้งแต่ปี 1923 และได้สิ้นสุดอำนาจลงเมื่อปี 1976 ต่อมาในปี 1949 เหมาก็ได้เข้ายึดอำนาจกองทัพทหารของเจียงไคเช็ด ซึ่งมีระบบการปกครองลัทธิฟาซิส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างปี 1964-1975 ซึ่งเป็นปีที่แสดงความโหดร้ายของเหมาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้สั่งการบังคับขู่เข็ญให้ประชาชนผู้มีการศึกษาไปทำไร่ทำนาแทนที่จะใช้วิชาความรู้ความสามารถเกี่ยวกับวิชาที่ได้เล่าเรียนมา สำหรับผู้ที่ต่อต้านหรือไม่สามารถที่จะกระทำตามได้ก็จะถูกสังหาร ดังนั้นจึงมีประชาชนที่น่าจะทำประโยชน์และเป็นทรัพยากรให้แก่บ้านเมืองต้องล้มตายลงไปเป็นจำนวนมาก.

เหมาเจ๋อตุง
4. อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
อดีตผู้นำลัทธินาซีชาวเยอรมัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้ที่ก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นความทรงจำของประชาชนไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนชาวยิวที่ถูกทหารนาซีสังหารอย่างไร้มนุษยธรรม จุดประสงค์ฮิตเลอร์ก็เพื่อที่จะต้องการเป็นเจ้ามหาอำนาจทางการเมืองในยุโรปแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในที่สุดสิ้นอำนาจลงโดยเขาได้ครองอำนาจให้ระหว่างปี 1933-1945 เท่านั้น วิธีการสังหารหมู่ได้แสดงถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาก็คือการที่ได้คุมขังชาวยิวในแค้มป์ปิดแล้วรมควันแก๊สพิษอันเป็นเรื่องราวที่ยังเป็นที่จดจำจนกระทั่งทุกวันนี้

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
5. เจียงไคเช็ด
คืออดีตนายพลผู้นำลัทธิฟาซิสของจีนที่อยู่ในอำนาจระหว่างปี 1921-1948 ซึ่งในระหว่างที่เจียงไคเช็ดอยู่ในอำนาจ เขาจำต้องต่อสู้กับศัตรูทางการเมืองถึง 2 ฝ่ายด้วยกัน คือญี่ปุ่น ที่ได้พยายามรุกรานเขตแดนของจีนอยู่ตลอดเวลา ส่วนอีกฝ่ายก็คือเหมาเจ๋อตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ที่ได้พยายามรวบรวมอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งก็ได้มีการสู้รบกันเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ในที่สุดเจียงไคเช็ดก็ได้พ่ายแพ้แก่เหมาในปี 1949 ซึ่งก็ได้ไช้วิธีกระทำการโหดเหี้ยมทารุณเป็นอย่างยิ่ง.

เจียงไคเช็ด
6. วลาดิเมีย อีลิคท์ เลนิน
หลังจากโซเวียตได้ขับพระราชวงศ์พระเจ้าซ่าร์ลงจากอำนาจของประเทศได้ในปี 1917เลนินก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป ด้วยสถานการณ์ที่ไม่สงบ แต่เลนินนั้นต้องการที่จะเป็นผู้เผด็จการของประเทศ ดังนั้นเขาจึงได้จัดระบบใหม่ตามความคิดของเขาจนในที่สุดก็ได้เกิดความขัดแย้งและก่อให้เกิดสงครามในประเทศขึ้นในปี 1918-1920ซึ่งเป็นเหตุให้มีการสูญเสียชีวิตของประชาชนอย่างมากมาย

วลาดิเมีย อีลิคท์ เลนิน
7. โตโจ ฮิเดกิ
อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าองค์จักรพรรดิฮิโรฮิโต ผู้ซึ่งไม่เคยมีอำนาจทางการเมืองของประเทศแต่อย่างใด และระหว่างที่สงครามโลกครั้งที่ 2ยังคุกรุ่น ทหารญี่ปุ่นก็ได้รุกรานหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเซียด้วยวิธีการอำมหิตเช่นกัน หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ฮิลเลอร์แพ้สงครามฮิเดกิได้ถูกตัดสินเป็นอาชญากรสงครามและถูกประหารชีวิตโดยการถูกแขวนคอเมื่อปี 1948.

โตโจ ฮิดิกิ
8. พอลพต
อดีตผู้นำกลุ่มเขมรแดงซึ่งได้สิ้นชีวิตลงเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา ที่ได้เข้ายึดอำนาจประเทศกัมพูชาด้วยการสู้รบอย่างนองเลือดในปี 1975 หลังจากที่ได้ครองอำนาจแล้วก็ได้นำลัทธิของเหมาเข้ามาบริหารประเทศซึ่งได้ทำให้ประชาชนต้องสูญเสียชีวิตจากการถูกสังหารบ้าง หรือความอดอยากไปนับ 1.5 ล้านคน นอกจากนั้นก็ได้สังหารผู้ต่อต้านการปกครองของพอลพตอีกเป็นจำนวนมาก.

พอลพต
9. ยาห์อัว ข่าน
ซึ่งเป็นอดีตนายพลผู้นำที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประวัติศาสตร์ทางการเมือง นายพลข่านได้ขึ้นครองอำนาจจากการปฎิวัติในปี 1969 โดยแท้ที่จริงแล้วนายพลข่านไม่ประสงค์ที่จะยึดครองอำนาจไปตลอด ดังนั้นหลังจากที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำแล้วเขาก็ได้ออกกฎหมายเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตยในปี 1970 แต่ได้ทำให้เกิดการต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม นายพลข่านจึงได้สั่งการให้กองกำลังทหารออกไปยุติวคามสงบแต่ได้กลายเป็นสงครามนองเลือด ระหว่างทหารและประชาชนขึ้น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และต่อมาก็ได้เกิดสงครามระหว่าง ปากีสถานกับอินเดียขึ้นในเขตชายแดน และกองทัพของปากีสถานได้พ่ายแพ้สงครามในครั้งนี้ อันเป็นสาเหตุมาจากความเป็นผู้นำที่ไร้ความสามารถของนายพล ยาห์อัว ข่าน นั่นเอง.
 
ยาห์อัว ข่าน
10. โจซิป โบรซ ติโต้
อดีตผู้นำประเทศยูโกสลาเวียที่ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากการปฎิบัติการอันเหี้ยมโหดแก่กองทัพทหารนาซี ที่ได้เข้ายึดครองประเทศยูโกสลาเวียในปี 1945 ภายใต้สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ 2 ปีต่อมา นายพลติโต้ก็ได้ขัดแย้งกับสตาลินซึ่งเป็นผู้นำของประเทศโซเวียต ซึ่งในระหว่างนั้นก็ได้เกิดความสงบขึ้นมาในประเทศและนายพลติโต้ก็ได้ดำเนินปราบปรามกับผู้ต่อต้านด้วยวิธีการที่เด็ดขาดนั่นคือการสั่งประหารชีวิตนั่นเอง.
                                     
โจซิป โบรซ ติโต้

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

บุคลเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนชาวโลกต้องสูญเสียชีวิตไปกว่า 170 ล้านคนการทำสถิติได้บันทึกเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการฆาตกรรมของผู้นำต่าง ๆ

โจเซฟ สตาลิน ลัทธิการปกครองคอมมิวนิสต์ ประเทศ
ซเวียต ระหว่างปี 1929 - 53 จำนวนผู้เสียชีวิต 42.7 ล้านคน

เหมาเจ๋อตุง ลัทธิการปกครองคอมมิวนิสต์ ประเทศจีน
ระหว่างปี 1923 - 76 จำนวนผู้เสียชีวิต 37.8 ล้านคน

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ลัทธิการปกครองนาซี ประเทศเยอรมันนี
ระหว่างปี 1933 - 45 จำนวนผู้เสียชีวิต 20.9 ล้านคน

เจียงไคเช็ด ลัทธิการปกครองฟาซิส ประเทศจีน
ระหว่างปี 1921- 48 จำนวนผู้เสียชีวิต 10.2 ล้านคน

วลาดิเมีย อีลิคท์ เลนิน ลัทธิการปกครองคอมมิวนิสต์ ประเทศโซเวียต ระหว่างปี 1917- 24 จำนวนผู้เสียชีวิต 4.0 ล้านคน

โตโจ ฮิเดกิ ลัทธิการปกครอง ฟาซิส ประเทศญี่ปุ่น
ระหว่างปี 1941 - 45 จำนวนผู้เสียชีวิต 4.0 ล้านคน

พอลพต ลัทธิการปกครองคอมมิวนิสต์ ประเทศกัมพูชา
ระหว่างปี 1968 - 87 จำนวนผู้เสียชีวิต 2.4 ล้านคน

ยาห์อัว ข่าน ลิทธิการปกครองทหาร ประเทศปากีสถาน
ระหว่างปี 1971 จำนวนผู้เสียชีวิต 1.5 ล้านคน

โจซิป โบรซ ติโต้ ลัทธิการปกครองคอมมิวนิสต์ ประเทศ
ยูโกสลาเวีย ระหว่างปี 1941-87 จำนวนผู้เสียชีวิต 1.2 ล้านคน

                     ขอขอบคุณทุกแหล่งข้อมูลค่ะ
                         

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณบทความดี ๆ ที่ทำให้ได้ความรู้
    เกี่ยวกับประวัติศาตร์ ความเหี้ยมโหด
    ของบรรดาผู้ทรงอำนาจทางการเมือง
    ในประเทศต่าง ๆ ครับ

    แล้วถ้าจัดอันดับ ผู้นำที่โกงชาติ
    ผู้น้ำไทย คงไม่น้อยหน้าใคร นะครับ

    ตอบลบ