วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระพรหม เทพผู้อาภัพ


พระพรหม

เทพผู้เป็นใหญ่องค์นี้มีสี่เศียรสี่กร

ตำนานของพระพรหมนั้น มีหลากหลายคัมภีร์เหมือนดังเทพองค์อื่น ๆ
บางตำนานนั้นบอกว่า พระพรหมนั้นมีสี่เศียร แต่บางตำนานก็บอกว่ามี
ห้าเศียร เพราะพระสรัสวดี มเหสีของพระองค์นั้นมี่สิริโฉมงดงามยิ่งนัก
 และยังสามารถเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่ดังใจคิด พระพรหมจึงต้องใช้ตา
ที่เศียรทั้งห้าของพระองค์เฝ้าติดตามพระสรัสวดี เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดเหตุ
ใด ๆ ขึ้น พระองค์จะได้ไปช่วยทันทุกเวลา


แต่ต่อมาเศียรหนึ่งในห้าของพระพรหม เกิดไปพูดจาดูหมิ่นพระแม่....
ปารวตีมเหสีของพระศิวะ เมื่อพระศิวะทราบเรื่องจึงบันดาลโทสะและต่อ
สู้กัน เมื่อพระพรหมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงถูกพระศิวะตัดเศียรไปหนึ่งเศียร


บางตำนานกล่าวว่า พระศิวะใช้ฤทธิ์เบิกพระเนตรดวงที่สามที่อยู่กลาง
พระนลาฎ (หน้าผาก) นั้น เกิดไฟเผาเศียรที่ห้าของพระพรหมจนไหม้
เป็นจุณไป จนเหลือเพียงสี่เศียรดังที่เห็นกัน


 และบางตำนานกำเนิดพระพรหม ตามคัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ ที่กล่าว
ไว้ว่า ครั้งที่โลกยังไม่ปรากฎสิ่งใด ๆ พระอาตมภูประสงค์จะสร้างทุกสิ่ง
จึงสร้างน้ำขึ้นมาก่อน แล้วนำพืชโปรยลงในน้ำ เมื่อเวลาผ่านไป พืชนั้น
กลายเป็นไข่ทอง และพระพรหมถือกำเนิดจากไข่ทองใบนั้นมีนามว่า..
หิรัณครรภ์ หลังจากนั้นพระพรหมจึงแบ่งร่าง เป็นชาย - หญิง เพื่อสร้าง
โลกและมนุษย์ต่อมา


แม้ตามตำนานของฮินดู พระพรหมคือเทพผู้เป็นใหญ่แห่งโลกใบนี้
แต่ก็กลับไม่ได้รับการคารวะบูชา ด้วยการตั้งศาลเคารพเหมือนเทพ
องค์อื่น ๆ ตำนานหนึ่งก็เกิดจากคำสาปของพระสรัสวดี


แต่ตำนานหนึ่งก็บอกว่า เมื่อครั้งที่พระพรหมและพระวิษณุได้ต่อสู้กัน
เนื่องจากถกเถียงว่าใครคือเทพผู้เป็นใหญ่ ร้อนไปถึงพระศิวะต้องเสด็จ
มา โดยจำแลงกายเป็นเสาไฟขนาดใหญ่ หาที่สิ้นสุดมิได้ ทั้งด้านบน
และด้านล่าง มาปรากฎอยู่ระหว่างเทพทั้งสององค์


เสาไฟนี้มีความร้อนมากจนทำให้เทพทั้งสองหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมา
ก็แปลกใจในความใหญ่โตของเสาไฟนี้ จึงพนันกันว่า ถ้าใครค้นหาจุด
สิ้นสุดได้ก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะยอมกราบไหว้บูชา


พระพรหมจึงแปลงร่างเป็นหงส์ บินไปหายอดด้านบน
พระวิษณุแปลงร่างเป็นสุกรขุดดินลงไปหาปลายเสาที่ด้านล่าง


ฝ่ายพระพรหมในร่างหงส์ เมื่อบินขึ้นไปก็หาจุดสิ้นสุดมิได้ แต่พบดอกเกตุ
ขึ้นอยู่ที่ส่วนหนึ่งของเสานั้นจึงนำลงมาจากด้านบน ฝ่ายพระวิษณุเมื่อขุด
ไปด้านล่างก็ไม่พบจุดสิ้นสุดก็กลับขึ้นไปที่เดิม พบว่าพระพรหมนำดอกเกตุ
ลงมา ก็เข้าใจว่าพระพรหมคงพบส่วนยอดแล้ว พระพรหมโกหกว่าพบจริง
โดยมีดอกเกตุเปนพยาน พระวิษณุจึงยอมแพ้และกราบไหว้บูชาพระพรหม
ดังคำที่สัญญากันไว้


เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระศิวะจึงคืนร่างเดิมและกล่าวว่า..พระ
ศิวะเป็นเทพที่ซื่อสัตย์ จึงยกให้พระวิษณุเป็นเทพมีศักดิ์เสมอพระองค์
สามารถที่จะมีโบสถ์และพิธีกรรมทางศาสนาเป็นของตนเองได้


แต่พระพรหมนั้นไม่ซื่อสัตย์ จึงทำโทษด้วยการจะตัดเศียรทั้งห้า
แต่พระวิษณุของร้องไว้ จึงตัดไปเพียงหนึ่งเศียรและไม่อนุญาติให้มีศักดิ์
เป็นเทพเทียบเท่าพระองค์ ไม่ให้มีโบสถ์และพิธีกรรมทางศาสนาของตน
เอง แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพระศิวะ และเป็นผู้สร้างมนุษย์ชาติขึ้น
มา พระศิวะจึงอนุญาติให้พระพรหมมีศาลหรือเทวสถานอยู่นอกโบสถ์ได้


เรื่องราวของเทพเทวามีมากมายหลายตำนานคะ เนื้อความตรงกันบ้าง
แย้งกันบ้าง แล้วแต่ว่าจะเป็นตำนานของนิกายฝ่ายไหน แม้ว่าตามตำนาน
พระองค์จะเป็นเทพผู้อาภัพ แต่ในภาพนี้พระองค์ทรงยิ่งใหญ่และสง่างาม
เกินกว่าที่สิ่งใดจะมาบั่นทอนได้ แม้แต่กาลเวลา

- - - - - - -

 สำหรับภาพจิตรกรรมภาพนี้ พระพรหม ปี พ.ศ. 2519 เทคนิคสีน้ำมัน
ขนาด 46.2 x 61.2 เซ็นติเมตร เป็นของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ศิลปินผู้สร้างสรรค์งาน
ศิลปะในหลากหลายแขนงที่ทุกคนยอมรับในฝีมือ.


อ. จักรพันธุ์ โปษยกฤต

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กุ้งอบวุ้นเส้น



กุ้งอบวุ้นเส้น

มือใหม่กับวันหยุด วันนี้ลองทำกุ้งอบวุ้นเส้นค่ะ
พกตำราเข้าครัวทำไปอ่านไปกับสูตรที่จดไว้จากคุณรักนิรันดร์คะ


เครื่องปรุง หมูสามชั้น ขึ้นฉ่าย ขิง น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว แม๊กกี้
แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกวางก้นหม้อ อีกส่วนไว้วางบนสุด

 
ตัดหนวดและส่วนแหลม ๆ ตรงหัวของกุ้งออกทิ้ง
 ผ่าหลังกุ้งเอาเส้นที่เป็นไส้ดำ ๆ ออกแล้วล้างให้สะอาด


วุ้นเส้นแช่น้ำพอนิ่ม


เทน้ำปรุงรสทั้งหมดรวมกัน น้ำมันหอย ซอสแม๊กกี้ ซีอิ้วขาว
 น้ำตาล 1 ช้อนชา พริกไทยป่น และกระเทียมเจียวนิดหน่อย

 
 นำวุ้นเส้นที่แช่น้ำแล้ว ลงคลุกเคล้ากับน้ำปรุงให้เข้ากัน
 

วางหมูสามชั้นก้นหม้อ ตามด้วยขิง รากผักชี ขึ้นฉ่าย


นำวุ้นเส้นครึ่งหนึ่งวางทับลงบนหมู แล้ววางกุ้งลงทับบนวุ้นเส้นอีกที

 
 
ปิดทับหมูด้วยวุ้นเส้นส่วนที่เหลือ
 
 
เรียงด้วยกุ้งอีกรอบคะ แง่ว.. ล้นหม้อ


ปิดฝาตั้งไฟอ่อน ๆ


รอ....


กุ้งสุกเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว

 
 
จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
( เส้นขาดไปหน่อย โอกาสหน้าแก้ตัวใหม่คะ)
 
 
Buon Appetito
 
 - - - - - - - ปิดครัว - - - - - - -   

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หมูสอดไส้แฮมชีส / Cordon Bleu


Cordon bleu di maiale / หมูสอดไส้แฮม ชีส


วัตถุดิบในการทำและขั้นตอนเยอะหน่อยคะ
 หมูสันนอก เกลือ พริกไทย ชีส แฮม ไข่ เกล็ดขนมปัง แป้งสาลี


 ฟอนติน่าชีส / Formaggio fontina


 หมูสันนอก แฮม ชีส


เกลือ พริกไทย ไม้กลัด และชีสที่หั่นเตรียมไว้

 
ตัดขอบบนและล่างของชีสทิ้ง แล้วหั่นชีสเป็นชิ้นบาง ๆ
 

หั่นเนื้อหมูตามขวางกว้างประมาณ 1/2 เซนโดยไม่ให้ขาด
แล้วหั่นอีก 1/2 เซนให้ขาดจากกัน จะได้เนื้อหมู 1 ชิ้น
ที่แผ่ออกเหมือน 2 ชื้นวางเรียงกัน


จากนั้นใช้เหล็กทุบเบา ๆ ให้เนื้อหมูนิ่ม บาง และแบน


 ได้เนื้อบางตามที่ต้องการแล้ว โรยเกลือและพริกไทยลงนิดหน่อย
 แล้วนำเนื้อหมูมาห่อด้วยชีสและแฮม


วางแฮมบนเนื้อ วางชีสบนแฮม


 พับปิดเลยคะ กลัดด้วยไม้กลัดกันชีสไหลตอนทอด
( หลังทอดเสร็จแล้วดึงไม้กลัดออกคะ )


นำหมูมาคลุกแป้งสาลี


แล้วนำมาชุบด้วยไข่


จากนั้นนำมาคลุกด้วยเกล็ดขนมปังให้ทั่ว


ทั้งสองด้าน


ใส่จานพักไว้


เตรียมทอดคะ เอาน้ำมันใส่กะทะ ตั้งไฟ


นำหมูที่คลุกเรียบร้อยแล้วมาทอดให้เหลือง กรอบนอกนุ่มใน


 ทอดให้ข้างนอกเกรียมข้างในสุก ( ทำไปชิมไป อร่อยคะ อิอิ )


 เสร็จแล้วจัดใส่จานคู่กับมะนาวและผักเล็กน้อย


 Buon Appetito

- - - - - - - - - ปิดครัว - - - - - - - - -