วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รากบัว ยาดีในสำรับเอเซีย


รากบัว

คนเอเซียยกให้ดอกบัว เป็นดอกไม้แห่งความบริสุทธุ์และปัญญา
ตำนานการกินบัว โดยเฉพาะรากบัว ในหลายประเทศทั่วเอเซียมี
มายาวนานนับพันปี คนจีนดูจะเป็นชาติที่กินบัวกันมาช้านานกว่า
ชาติใด เนื่องจากเชื่อว่า การกินบัวนั้นเป็นมงคลอย่างหนึ่ง


เพราะนอกจากบัว จะป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธุ์แล้ว ยังถือ
ว่า บัวเป็นสัญลักษณ์ของการเจริญพันธุ์ มีลูกเต็มบ้านหลานเต็ม
เมือง ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ความงามของเจ้าสาวในพิธีวิวาห์และ
ความรักของบ่าวสาวดังที่ผูกพันแน่นแฟ้น ดังสำนวนไทยที่ว่า...

" ตัดบัวยังเหลือใย "

เมืองไทยอย่างบ้านเรามีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ
ประวัติการกินรากบัวเป็นทั้งอาหารและยาจึงสืบทอดกันมาช้านาน
เช่นกัน  คนสมัยก่อนใช้รากบัวเป็นส่วนประกอบของยาหม้อโบราณ
เพราะมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ช่วยลดอาการร้อนใน คนไข้ที่มีไข้สูง
หมอแผนโบราณมักให้ดื่มน้ำต้มรากบัวที่ค่อนข้างเย็น ส่วนคนปกติ
ให้ดื่มน้ำต้มรากบัวแบบอุ่น ๆ


การกินรากบัวดีต่ออวัยวะภายใน คนโบราณบอกไว้ว่า ดื่มน้ำต้มราก
บัววันละ 2 - 3 แก้ว จะช่วยแก้อาการผิดปกติในระบบย่อยอาหารได้
ดีเยี่ยม ตั้งแต่อาการท้องเดิน ไปจนถึงอาการเลือดออกในกระเพาะ
อาหาร ลำไส้เล็ก และช่องทวารหนัก ( ซึ่งสังเกตได้จากมีเลือดปน
ออกมากับอุจจาระ) ตลอดจนช่วยเจริญอาหาร


นอกจากนี้ยังช่วยรักษาอาการเลือดกำเดา เลือดออกตามไรฟัน
ตลอดจนช่วยลดอาการอาเจียนเป็นเลือด ทั้งยังกินแก้พิษอักเสบ
แก้ปอดบวม และเป็นยาชูกำลัง


สำหรับคุณค่าทางอาหาร รากบัวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุง
โลหิต มีวิตามินบี วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้
แข็งแรงและมีใยอาหารปริมาณมาก ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ชะงัด


หลากวิธีกินรากบัว

กินสด..นำรากบัวอ่อน ๆ มาล้างให้สะอาด แล้วสามารถกินแบบผลไม้ได้

- - - - - - - - -

เครื่องดื่มน้ำรากบัว

เครื่องดื่มรากบัว..สูตรดั้งเดิมที่ยังคงความนิยมมากที่สุด มาถึงปัจจุบันนำ
รากบัวที่ล้างสะอาดฝานเป็นชิ้น 2 ถ้วย ต้มกับน้ำสะอาด 3 ถ้วย และนำน้ำ
ตาลทรายแดง 1/3 ถ้วย เคี่ยวนาน 20 นาที เสริฟอุ่น ๆ กินได้ทั้งน้ำทั้งเนื้อ

- - - - - - - - - -

กับข้าวจานรากบัว

ด้วยคุณสมบัติกรุบกรอบ รสชาติกลาง ๆ ทำให้รากบัวเข้าได้กับทุกเมนู
 จึงสามารถนำรากบัว มาปรุงอาหารไทยได้เกือบทุกเมนูทั้งต้ม ผัด แกง
และยำ 

- - - - - - - - -

วิธีเลือกรากบัวให้กินอร่อย ในบ้านเรามีรากบัวให้เลือกกินอยู่  2 ชนิดซึ่ง
 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกัน คือ รากบัวไทย และรากบัวจีน

- - - - - - - - -

รากบัวไทย มีขนาดเล็ก สีชมพูอมสีปูน เนื้อละเอียดแน่น กลิ่นหอมมาก
เมื่อนำมาต้ม จะได้น้ำสีชมพู อมสีปูนเข้มข้น

- - - - - - - - -


รากบัวจีน.. มีขนาดใหญ่ สีเนื้ออมชมพู เนื้อหยาบ ไม่แน่น กลิ่นหอม
อ่อน ๆ เมื่อนำมาต้มจะได้น้ำสีชมพูอ่อนกว่า น้ำที่ได้จากรากบัวไทย

- - - - - - - - - -

ไม่ว่ารากบัวไทยหรือจีน ต้องเลือกรากบัวสดใหม่ ผิวตึง อาจมีดินสีดำติด
อยู่ ถ้าเป็นรากบัวเก่าที่เก็บมานานแล้ว จะสังเกตได้ว่ามีสีคล้ำออกน้ำตาล
หากจะนำรากบัวมาใส่สลัด กินสดกรุบกรอบ ควรเลือกรากบัวอ่อน ๆ ซึ่งมี
สีขาวนวล สำหรับรากบัวที่แก่นั้นเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารที่ต้องคี่ยว
นานหรือของหวาน

- - - - - - - - -

ขอขอบคุณข้อมูลจาก.. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม
อาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและโภชนาการ และคุณอัณณ์มากค่ะ

....ดอกฝิ่น//.


 

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ราดหน้าทะเล


ราดหน้าทะเล

ข้าวโพดอ่อน บล๊อคโคลี่ แครอท กระเทียมสับ เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย

ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่

กุ้งสด หนวดปลาหมึก

ตั้งกะทะให้ร้อน เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวลงผัด ใส่ชีอิ้วดำนิดหน่อย

พักใส่จานไว้


ทำน้ำราดค่ะ  กระเทียมลงเจียวให้หอม ใส่กุ้ง ปลาหมึกลง

เติมน้ำซุปให้ท่วม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล เต้าเจี๋ยว
น้ำมันหอย ใส่ข้าวโพดอ่อน แครอท และบล๊อคโคลี่

ใส่แป้งข้าวโพดที่ละลายไว้ลงไปเล็กน้อย ให้น้ำซุปเหนียวข้น
สุกแล้วนำไปราดลงบนเส้นก๋วยเตี๋ยว เหยาะพริกไทยป่นนิดหน่อย

จัดเสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุง

 Buon Appetito

- - - - - - ปิดครัว - - - - - -

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บอล


Spain & Italy


adidas telstar
ลูกฟุตบอลโลก ปี 1974 ที่ เยอรมันตะวันตก

 

adidas Etrusco Unico
ลูกฟุตบอลโลก ปี  1990 ที่ อิตาลี