วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

บทกวี / ต้นข้าว ต้นหญ้า



 บทสนทนาระหว่างน้ำเน่ากับนกน้อย
 
สวัสดีนกน้อย...ผู้นัยน์ตาเศร้า      สวัสดีน้ำเน่า...ไยทักข้า
ทำไมปีกของเจ้าดูโรยรา      เพราะข้าข้ามร้อยป่า หมื่นผาชัน

เจ้าต้องการสิ่งใด มาที่นี้      ข้าต้องการสิ่งที่ข้าเคยฝัน
เจ้าไม่กลัวเจ็บหรือ บินฝ่าฟัน      ใจของข้าเหยียดหยัน ความหวาดกลัว

เจ้าเคยพลาดบ้างไหม...เจ้านกน้อย      กายของข้าด่างพร้อย แผลเป็นทั่ว
เจ้าเคยเหงาบ้างไหม...ยามหมองมัว      อาจมีบ้างเพียงชั่วลมพลิ้วพัด

เจ้ามีรักบ้างไหม ในใจเจ้า      ข้าเคยหลงโง่เง่าโดนเขาสลัด
เจ้าจึงยอมหลีกทาง คว้าง เซซัด      ข้าไม่อยากสาหัสเจ็บหัวใจ


ฝันของเจ้าที่แท้แค่ข้ออ้าง      เปล่า...ฝันข้ารางชางสุขสดใส
เจ้าโกหกตัวเองเพื่ออะไร      เปล่า...ข้าไม่โกหกหลอกตัวเอง


เจ้าต้องการหนีรักจึงหลบมา
เจ้าแอบซ่อนน้ำตาทำอวดเก่ง
ทั้งที่ความเป็นจริงเจ้าวังเวง
เหงาอ้างว้างคว้างเคว้ง...บินเดียวดาย

นกน้อย...ผู้นัยน์ตาเศร้า      ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าล้วนสูญหาย
เกิดมาชั่วชีพหนึ่งถึงตาย      จงอย่าสร้างตาข่ายกักขังตน
จงภูมิใจในรักที่ได้รัก      กว่ารูปกายแตกหักไปปฏิสนธิ์
อย่าวิ่งหนีความจริงจงอดทน      อย่ากลัวรักจงค้นค่าให้พบ


นกน้อย...ผู้นัยน์ตาเศร้า      ถูกต้อง...ข้าน้ำเน่า เหม็น เศร้า ตลบ
รูปนอกข้าใครเห็นเป็นภาพลบ      แต่ใจข้าสงบพบ...สัจธรรม.

....ขอบคุณเจ้าของบทกวี สกุลการ สังข์ทอง//.

      
ต้นข้าวกับต้นหญ้า

นานแสนนานมาแล้ว สมัยที่ต้นข้าวกับต้นหญ้า
ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกใบนี้ใหม่ ๆ

 ทั้งสองเป็นพี่น้องที่มองดูคล้ายกันมาก ใบของทั้งคู่ยาวเรียว
แตกออกเป็นกอ เป็นกอสีเขียวสดใส และไร้ดอก
ยากที่จะบอกได้ว่า ต้นใดคือต้นข้าว และต้นใดคือต้นหญ้า

ถึงแม้จะมีรูปร่างคล้ายกัน แต่นิสัยของทั้งคู่กลับแตกต่าง

ต้นข้าวนั้นอบอุ่น อ่อนหวาน รักถิ่นฐาน และสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
ส่วนต้นหญ้านั้นร่าเริงแจ่มใส ขี้เล่น ชอบผจญภัยและรักการเดินทาง

ต้นข้าวและต้นหญ้างอกงามอยู่เคียงกัน
จนกระทั่งถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องเติบโตและขยายพืชพันธุ์

ต้นข้าวผู้เป็นพี่ตกลงใจที่จะเป็นเจ้าสาวของแสงตะวันผู้อ่อนโยน
"แสงตะวันอันอบอุ่นจะนำทางฉันไปสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิต"

ต้นข้าวกล่าวอย่างหนักแน่น

จากวันนั้น ต้นข้าวค่อยสะสมแสงตะวันไว้ในเรียวใบ...ละเล็ก
ที่ละน้อย จนเติบใหญ่ผลิดอกออกรวงข้าวเขียวสดใส
อาบไล้แสงอุ่นจนสุกปลั่ง แปรเปลี่ยนเป็นรวงข้าวสีทองอร่ามตา

"ฉันเป็นเจ้าสาวแห่งแสงตะวัน เติบโตและงอกงาม
เพื่อมอบของขวัญอันมีค่าให้กับชาวโลก"

ต้นข้าวรำพึงเบา ๆ อย่างเป็นสุขในบ้านสีทองอันอบอุ่น
ที่โอบล้อมด้วยแสงตะวัน

แต่ต้นหญ้าไม่คิดเช่นนั้น

"พี่สาวของฉันช่างอดทนและแสนดี แต่การต้องอยู่กับที่
นาน ๆ แบบนี้ คงทำให้ฉันเหี่ยวเฉาตายไปเสียก่อนแน่ ..
บางทีฉันอาจไม่เหมาะกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น
ฉันต้องการเพียงแค่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปไกล ๆ
และทำให้ผู้พบเห็นสบายใจ... เท่านั้นก็พอ"

ต้นหญ้ากล่าว

ทันใดนั้นสายลมอ่อนโยนก็ส่งเสียงกระซิบตอบอย่างแผ่วเบา

"ถ้าเช่นนั้นจงมาเป็นเจ้าสาวของสายลมเถิด
แล้วเราจะได้เดินทางไกลไปด้วยกันอย่างรื่นรมย์"

ดังนั้นต้นหญ้าจึงตัดสินใจเป็นเจ้าสาวของสายลม

ต้นหญ้าเติบโตอย่างร่าเริงแจ่มใส ก่อเกิดดอกหญ้ากับเมล็ดพันธุ์
มากมาย และพร้อมเสมอที่จะเดินทางไกลไปกับสายลม

ต้นหญ้าไม่เคยมีบ้าน แต่ก็สดใสเบิกบานอยู่ทุกหนแห่ง
ที่มีสายลมพัดผ่าน และแม้แต่ต้นข้าว ไม่เคยออกเดินทางไกล
ก็สุขใจอยู่ในอ้อมกอดของแสงตะวัน

จากนั้นมา ต้นข้าว และต้นหญ้า จึงแตกต่างกัน

ต่างก็เติบโตไปตามวิถีชีวิตของตน
ต่างก็มีความสุขและทำให้ผู้อื่นเป็นสุขในวิธีที่แตกต่าง

แต่ถ้าวันใดมองเห็นต้นหญ้าในนาข้าวแล้วละก็...
อย่าแปลกใจ

ต้นหญ้าเพียงแค่แวะมาทักทายต้นข้าวผู้เป็นพี่สาว
ด้วยความคิดถึง...เท่านั้นเอง...

ขอขอบคุณเรื่องราวที่น่ารัก
ที่มาจาก รักษิตา "เรื่องเล่าประจำสวน"

.........ดอกฝิ่น///..

 

2 ความคิดเห็น:

  1. นกน้อย...ผู้นัยน์ตาเศร้า
    ...คือนกน้อยผู้มีความรักในหัวใจ
    ...คือนกน้อยผู้พึงใจที่จะมีรัก
    ...คือนกน้อยผู้มีความสุขที่ได้มอบความรักให้
    ...คือนกน้อยผู้มีความสุขที่ได้รับความรักตอบ
    ...คือนกน้อยผู้ที่ไม่กลัวที่จะตามหารักแท้ให้พบ

    รางชาง หมายถึง งาม ปรากฏในในบทพระราชนิพนธ์
    เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
    ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ...

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 มกราคม, 2554 15:14

    แสงตะวันอันอบอุ่น
    อยู่เคียงคู่กับต้นข้าวที่โอบอ้อมอารี

    อยากเป็นแสงตะวัน
    ให้ความอบอุ่นคนรัก
    มีความสุขกันชั่วนิรันดร์

    ตอบลบ