พระพรหม เทพผู้เป็นใหญ่องค์นี้มีสี่เศียรสี่กร ตำนานของพระพรหมนั้น มีหลากหลายคัมภีร์เหมือนดังเทพองค์อื่น ๆ บางตำนานนั้นบอกว่า พระพรหมนั้นมีสี่เศียร แต่บางตำนานก็บอกว่ามี ห้าเศียร เพราะพระสรัสวดี มเหสีของพระองค์นั้นมี่สิริโฉมงดงามยิ่งนัก และยังสามารถเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่ดังใจคิด พระพรหมจึงต้องใช้ตา ที่เศียรทั้งห้าของพระองค์เฝ้าติดตามพระสรัสวดี เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดเหตุ ใด ๆ ขึ้น พระองค์จะได้ไปช่วยทันทุกเวลา แต่ต่อมาเศียรหนึ่งในห้าของพระพรหม เกิดไปพูดจาดูหมิ่นพระแม่.... ปารวตีมเหสีของพระศิวะ เมื่อพระศิวะทราบเรื่องจึงบันดาลโทสะและต่อ สู้กัน เมื่อพระพรหมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จึงถูกพระศิวะตัดเศียรไปหนึ่งเศียร บางตำนานกล่าวว่า พระศิวะใช้ฤทธิ์เบิกพระเนตรดวงที่สามที่อยู่กลาง พระนลาฎ (หน้าผาก) นั้น เกิดไฟเผาเศียรที่ห้าของพระพรหมจนไหม้ เป็นจุณไป จนเหลือเพียงสี่เศียรดังที่เห็นกัน และบางตำนานกำเนิดพระพรหม ตามคัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ ที่กล่าว ไว้ว่า ครั้งที่โลกยังไม่ปรากฎสิ่งใด ๆ พระอาตมภูประสงค์จะสร้างทุกสิ่ง จึงสร้างน้ำขึ้นมาก่อน แล้วนำพืชโปรยลงในน้ำ เมื่อเวลาผ่านไป พืชนั้น กลายเป็นไข่ทอง และพระพรหมถือกำเนิดจากไข่ทองใบนั้นมีนามว่า.. หิรัณครรภ์ หลังจากนั้นพระพรหมจึงแบ่งร่าง เป็นชาย - หญิง เพื่อสร้าง โลกและมนุษย์ต่อมา แม้ตามตำนานของฮินดู พระพรหมคือเทพผู้เป็นใหญ่แห่งโลกใบนี้ แต่ก็กลับไม่ได้รับการคารวะบูชา ด้วยการตั้งศาลเคารพเหมือนเทพ องค์อื่น ๆ ตำนานหนึ่งก็เกิดจากคำสาปของพระสรัสวดี แต่ตำนานหนึ่งก็บอกว่า เมื่อครั้งที่พระพรหมและพระวิษณุได้ต่อสู้กัน เนื่องจากถกเถียงว่าใครคือเทพผู้เป็นใหญ่ ร้อนไปถึงพระศิวะต้องเสด็จ มา โดยจำแลงกายเป็นเสาไฟขนาดใหญ่ หาที่สิ้นสุดมิได้ ทั้งด้านบน และด้านล่าง มาปรากฎอยู่ระหว่างเทพทั้งสององค์ เสาไฟนี้มีความร้อนมากจนทำให้เทพทั้งสองหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมา ก็แปลกใจในความใหญ่โตของเสาไฟนี้ จึงพนันกันว่า ถ้าใครค้นหาจุด สิ้นสุดได้ก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะยอมกราบไหว้บูชา พระพรหมจึงแปลงร่างเป็นหงส์ บินไปหายอดด้านบน พระวิษณุแปลงร่างเป็นสุกรขุดดินลงไปหาปลายเสาที่ด้านล่าง ฝ่ายพระพรหมในร่างหงส์ เมื่อบินขึ้นไปก็หาจุดสิ้นสุดมิได้ แต่พบดอกเกตุ ขึ้นอยู่ที่ส่วนหนึ่งของเสานั้นจึงนำลงมาจากด้านบน ฝ่ายพระวิษณุเมื่อขุด ไปด้านล่างก็ไม่พบจุดสิ้นสุดก็กลับขึ้นไปที่เดิม พบว่าพระพรหมนำดอกเกตุ ลงมา ก็เข้าใจว่าพระพรหมคงพบส่วนยอดแล้ว พระพรหมโกหกว่าพบจริง โดยมีดอกเกตุเปนพยาน พระวิษณุจึงยอมแพ้และกราบไหว้บูชาพระพรหม ดังคำที่สัญญากันไว้ เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระศิวะจึงคืนร่างเดิมและกล่าวว่า..พระ ศิวะเป็นเทพที่ซื่อสัตย์ จึงยกให้พระวิษณุเป็นเทพมีศักดิ์เสมอพระองค์ สามารถที่จะมีโบสถ์และพิธีกรรมทางศาสนาเป็นของตนเองได้ แต่พระพรหมนั้นไม่ซื่อสัตย์ จึงทำโทษด้วยการจะตัดเศียรทั้งห้า แต่พระวิษณุของร้องไว้ จึงตัดไปเพียงหนึ่งเศียรและไม่อนุญาติให้มีศักดิ์ เป็นเทพเทียบเท่าพระองค์ ไม่ให้มีโบสถ์และพิธีกรรมทางศาสนาของตน เอง แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพระศิวะ และเป็นผู้สร้างมนุษย์ชาติขึ้น มา พระศิวะจึงอนุญาติให้พระพรหมมีศาลหรือเทวสถานอยู่นอกโบสถ์ได้ เรื่องราวของเทพเทวามีมากมายหลายตำนานคะ เนื้อความตรงกันบ้าง แย้งกันบ้าง แล้วแต่ว่าจะเป็นตำนานของนิกายฝ่ายไหน แม้ว่าตามตำนาน พระองค์จะเป็นเทพผู้อาภัพ แต่ในภาพนี้พระองค์ทรงยิ่งใหญ่และสง่างาม เกินกว่าที่สิ่งใดจะมาบั่นทอนได้ แม้แต่กาลเวลา - - - - - - - สำหรับภาพจิตรกรรมภาพนี้ พระพรหม ปี พ.ศ. 2519 เทคนิคสีน้ำมัน ขนาด 46.2 x 61.2 เซ็นติเมตร เป็นของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ศิลปินผู้สร้างสรรค์งาน ศิลปะในหลากหลายแขนงที่ทุกคนยอมรับในฝีมือ. อ. จักรพันธุ์ โปษยกฤต |
วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
พระพรหม เทพผู้อาภัพ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น